ฟิทช์คงอันดับเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงินไทย 5 แห่งที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ

พฤหัส ๒๙ กันยายน ๒๐๑๖ ๑๗:๐๘
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารและสถาบันการเงินไทย 5 แห่งที่เป็นบริษัทลูก (subsidiaries) ของสถาบันการเงินต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเหนือ

โดยธนาคารและสถาบันการเงินดังต่อไปนี้ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)' และแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- ธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ BOCT

- ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ICBCT

- บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด หรือ ICBCTL

ในขณะเดียวกันบริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) หรือ EB ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ทั้งนี้แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ EB สอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของบริษัทแม่ ACOM Co., LTD. (ACOM; A-/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ)

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ 'AA-(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

สำหรับรายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT, ICBCT, EB และ CNS พิจารณาจากมุมมองของ ฟิทช์ว่าธนาคารและสถาบันการเงินดังกล่าวถือเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อบริษัทแม่ ซึ่งคือ Bank of China Ltd. (BOC; 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), Industrial and Commercial Bank of China (ICBC; 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ), ACOM, และ Nomura Holdings Inc. (NH; 'A-'/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ/อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ 'bbb') ทั้งนี้มุมมองดังกล่าวพิจารณาจากการที่บริษัทแม่มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับสูงและมีอำนาจควบคุมการบริหารงานในบริษัทลูก การใช้ชื่อและสัญญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันกับบริษัทแม่ การเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่มในระดับสูง (integration) และการสนับสนุนในด้านต่างๆ ที่ผ่านมาในอดีต ดังนั้น ฟิทช์เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารและสถาบันการเงินดังกล่าวจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากในการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) จากบริษัทแม่ในกรณีที่มีความจำเป็น

นอกจากนี้ฟิทช์คาดว่าการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นทางตรงของ BOCT ซึ่งเดิมคือ BOC ไปเป็น Bank of China (Hong Kong) Limited (BOCHK; 'A'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นธนาคารลูกของ BOC ไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักต่อโอกาสหรือความสามารถของกลุ่มในการให้การสนับสนุนแก่ BOCT ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใน BOCT ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานรัฐของไทยและฮ่องกง ดูรายละเอียดเรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมได้จากประกาศ เรื่อง "Fitch: Bank of China's Sale of Thai Subsidiary Won't Have Rating Impact" ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 และหาได้จาก www.fitchratings.com

อันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCTL นั้นอยู่ในระดับเดียวกันอันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCT เนื่องจากฟิทช์มองว่า ICBCTL เป็นบริษัทลูกหลัก (core subsidiary) ของ ICBCT โดย ICBCTL มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ของธนาคารและมีสัดส่วนสินเชื่อคิดเป็น 31% ของสินเชื่อรวมของ ICBCT และมีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 31% ของรายได้รวมในครึ่งแรกของปี 2559

อันดับเครดิตภายในประเทศของ CNS พิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของ NH เนื่องจากฟิทช์ไม่คาดว่า การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ระดับบริษัทแม่ (ซึ่งคือ NH) จะครอบคลุมมาถึง CNS ซึ่งเป็นบริษัทลูก ดังนั้นอันดับเครดิตภายในประเทศของ CNS จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงินของ NH โดยการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ NH ไม่น่าส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ CNS

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของ ICBCTL (ระยะสั้นและระยะยาว) EB และ CNS ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของแต่ละบริษัท ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ในการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต –หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน

อันดับเครดิตหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของ ICBCTL ซึ่งค้ำประกันโดย ICBCT พิจารณาจากการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ในการชำระหนี้ที่ค้างชำระภายใต้หุ้นกู้

อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของ ICBCTL นั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ICBCT

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัทนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต - อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตภายในประเทศของ BOCT, ICBCT และ ICBCTL เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม อย่างไรก็ตามอันดับเครดิตของ BOCT, ICBCT และ ICBCTL อาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตของบริษัทแม่ถูกปรับลดอันดับ

การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตหรือฐานะทางการเงินของบริษัทแม่ของ EB และ CNS น่าจะส่งผลกระทบในทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัท

การเปลี่ยนแปลงในโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากในการดำเนินงานปรกติแก่บริษัทลูกในประเทศไทยอาจส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทลูกเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือความไม่ชัดเจนในการให้การสนับสนุนทางการเงิน อาจเป็นสัญญาณของการลดลงของโอกาสที่บริษัทแม่จะให้การสนับสนุน ซึ่งอาจเป็นผลลบต่ออันดับเครดิต อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต- หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกัน

อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของ ICBCTL เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีโอกาสที่อันดับเครดิตจะได้รับการปรับเพิ่ม อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของ ICBCTL อาจได้รับผลกระทบจากการปรับลดอันดับเครดิตของ ICBCT

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:

BOCT:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

ICBCT:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

ICBCTL:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AAA(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ค้ำประกันโดย ICBCT คงอันดับที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AAA(tha)'

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

EB:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'AA+(tha)'

CNS:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ 'AA-(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ 'F1+(tha)'

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน