กระทรวงเกษตรฯ แนะเกษตรกรเฝ้าระวังโรคราสนิมหม่อนปลายฝนต้นหนาว

ศุกร์ ๒๘ ตุลาคม ๒๐๑๖ ๑๖:๓๙
นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย กรมหม่อนไหม เล็งเห็นว่าฤดูฝนช่วงนี้เกิดภาวะน้ำท่วมอย่างหนัก ทำให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรหลายแห่ง แต่สำหรับพื้นที่ปลูกหม่อนนั้น ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่ปลูกหม่อนส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง ส่วนในพื้นที่ลุ่มที่กรมหม่อนไหมได้ไปส่งเสริมสร้างอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมตามนโยบายรัฐบาล ก็ยังไม่พบว่ามีภาวะน้ำท่วม และส่งผลกระทบต่อแปลงหม่อนแต่อย่างใด

ทั้งนี้ช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้อากาศเย็นลง และมีความชื้นสูง เป็นช่วงที่มีศัตรูหม่อนที่สำคัญชนิดหนึ่งระบาด คือ โรคราสนิม โดยสปอร์ของเชื้อรา จะแพร่กระจายไปกับฝนและลม ดังนั้น เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของใบหม่อนในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยใบหม่อนที่แสดงอาการของโรคนี้จะเห็นเป็นจุดเล็กๆ สีเหลือง หรือสีน้ำตาลปนแดง และบวมขึ้นเป็นตุ่มแผลใหญ่ขึ้น เมื่อเนื้อเยื่อใบหม่อนถูกทำลายและแตกออกจะเห็นสปอร์ของเชื้อรามีลักษณะเป็นผงสีน้ำตาลปนแดงคล้ายสนิมอยู่บนตุ่มแผล กระจัดกระจายทั่วไปด้านใต้ใบ หากระบาดรุนแรงจะทำให้ใบหม่อนมีสีเหลืองทั้งใบและแห้งเป็นสีน้ำตาลและร่วงหล่น โดยความรุนแรงของโรคนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น พันธุ์หม่อน การบริหารจัดการแปลงหม่อน เป็นต้น ซึ่งใบหม่อนที่แสดงอาการรุนแรงจะมีคุณภาพต่ำไม่เหมาะสมที่จะนำไปเลี้ยงไหม

ด้าน นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า การป้องกันและกำจัดโรคราสนิมหม่อนนั้น ควรใช้วิธีผสมผสานในการบริหารจัดการแปลงหม่อน โดยเริ่มตั้งแต่การเลือกปลูกหม่อนพันธุ์ที่ทนทาน ต่อโรคราสนิม เช่น พันธุ์คุณไพ พันธุ์สกลนคร พันธ์ศรีสะเกษ 84 เป็นต้น โดยเฉพาะพันธุ์ศรีสะเกษ 84 เป็นพันธุ์ล่าสุดที่กรมหม่อนไหมได้ศึกษาวิจัยพบว่า มีความทนทานต่อโรคราสนิม ให้ผลผลิตใบสูง และท่อนพันธุ์แตกรากเจริญเติบโตได้ดี สำหรับการปลูกหม่อน เกษตรกรควรลงปลูกแบบแถวเดี่ยว เพิ่มระยะปลูกหม่อนให้มากขึ้น โดยระยะห่างระหว่างต้นหม่อนต้องไม่น้อยกว่า 75 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถวไม่น้อยกว่า 2 เมตร ควรตัดแต่งกิ่งหม่อนให้โปร่งอยู่เสมอ และไม่ปล่อยให้ใบหม่อนมีอายุแก่เกิน 3 เดือน ส่วนกิ่งและใบหม่อนที่ตัดทิ้งแล้วควรนำไปเผาทำลาย ไม่ควรนำกิ่งที่ตัดทิ้งแล้วมาคลุมแปลงหม่อน โดยเฉพาะกิ่งหม่อนที่มีเชื้อราโรคราสนิมเข้าทำลาย เนื่องจากจะเป็นแหล่งเพาะอาศัยของเชื้อโรคและระบาดต่อไปอย่างรุนแรงได้

นอกจากนี้ กรมหม่อนไหมได้แนะนำเกษตรกรปลูกในพื้นที่เขตเกษตรอาศัยน้ำฝน ที่มีการระบาดของโรคราสนิม ทั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งผู้สนใจสามารถติดต่อขอพันธุ์หม่อนได้ที่ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ศรีสะเกษ ตั้งอยู่ที่ 53 หมู่ 7 ตำบลหมากเขียบ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ โทรศัพท์ 0-4491-6659 หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเบื้องต้นได้ที่ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ อื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้บ้าน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน