กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เผยความคืบหน้า การขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ คาดปี 2560 จะมีแปลงใหญ่เกิดขึ้นอีกอย่างน้อย 1,512 แปลง

พฤหัส ๒๔ พฤศจิกายน ๒๐๑๖ ๑๑:๔๒
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนระบบส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ โดยมีข้อสั่งการ 6 เรื่อง ซึ่งต่อเนื่องจากงานของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) 882 ศูนย์ ได้แก่ 1. เกษตรกรต้องเป็น Smart Farmer 2. การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนา และเน้นการรวมกลุ่มในรูปแบบแปลงใหญ่ 3. กฎ กติกาการทำงานเกษตรสมัยใหม่ ต้องเป็นกติกาสากล 4. การบริหารจัดการน้ำกับการทำการเกษตร 5. การทำการเกษตรที่เข้าใจเรื่องกลไกตลาด และ 6.น้อมนำตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎีใหม่

สำหรับการดำเนินการแปลงใหญ่ในปี 2559 มีการดำเนินการไปแล้วจำนวน 600 แปลงโดยมีเป้าหมายให้กลุ่มสามารถบริหารจัดการแปลงในด้านการวางแผน จัดการผลิต การตลาดและการบริหารจัดการกลุ่มได้ดีขึ้น ลดต้นทุน 20% เพิ่มผลผลิต 20% ยกระดับคุณภาพผลผลิตสู่มาตรฐาน ตลอดจนสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และเพิ่มศักยภาพการบริหารการจัดการ ซึ่งในปี 2560 ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายไว้จำนวนไม่น้อยกว่า 400 แปลง พร้อมทั้งพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละกลุ่มสินค้า เบื้องต้น ได้กำหนดแผนโรดแมปในการทำงาน อาทิ การบูรณาการงบประมาณจากทุกหน่วยงานในสังกัด การเร่งพัฒนากระบวนการกลุ่มให้เกษตรกรในกลุ่มแปลงใหญ่มีความเข้มแข็งขึ้น การพัฒนาเกษตรกรให้เป็นนักธุรกิจเกษตร การพัฒนาบุคลากรเพื่อเป็นเจ้าหน้าที่เทคนิคประจำแปลง เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนธุรกิจรายฟาร์มและแผนธุรกิจกลุ่ม โดยคาดว่าในเดือนมกราคม 2560 จะผ่านการรับรองของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มแปลงเตรียมความพร้อมอีกจำนวน 512 แปลง ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งเสริมเพื่อให้เกิดการรวมกลุ่มใน 6 เดือน หากพร้อมให้รับรองเป็นแปลงใหญ่ในปี 2560 ต่อไป และคาดว่าจะมีแปลงใหญ่ในปี 2560 ทั้งหมดอย่างน้อย 1,512 แปลง

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การพัฒนาให้เกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นสมาชิกแปลงใหญ่สามารถบริหารจัดการสินค้าเกษตรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีเงินทุนเพื่อสร้างแรงจูงใจ ให้เกษตรกรในแปลงใหญ่สามารถนำไปพัฒนากิจกรรมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการผลิต และการตลาดที่จะนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่เหมาะสม คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติยกเลิกโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี 2559/60 (วงเงิน 2,204.45 ล้านบาท จำนวน 426 แปลง รัฐบาลรับภาระอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.50 ต่อปี กลุ่มเกษตรกรจ่ายอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 1 ปี) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 และโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 (วงเงิน 3,478.60 ล้านบาท จำนวน 650 แปลง รัฐบาลรับภาระอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี กลุ่มเกษตรกรจ่ายอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี) โดยอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จำนวน 2,000 แปลง อนุมัติกรอบวงเงินสินเชื่อ จำนวน 20,000 ล้านบาท (ระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ ธ.ค. 2559 – ธ.ค. 2564) อนุมัติค่าชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 3,000 ลบ. โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด ได้ให้ความเห็นชอบโครงการของกลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เสนอขอรับการสนับสนุนสินเชื่อ โดย ธ.ก.ส. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ แปลงละไม่เกิน 10 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.01 ต่อปี ตลอดระยะเวลาโครงการ โดยเรียกเก็บจากกลุ่มเกษตร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการในอัตราร้อยละ 0.01 ต่อปี และรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 3.00 ต่อปี ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ พฤศจิกายน 2559 – เมษายน 2570 ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ ธันวาคม 2559 – ธันวาคม 2564 และ ระยะเวลาการชดเชยดอกเบี้ยภายใน 5 ปี นับแต่วันกู้ (ไม่เกินเดือนธันวาคม 2569) อีกทั้งมีเป้าหมาย คือ กลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมดำเนินการตามระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 2,000 แปลง รวมถึงกลุ่มที่ได้รับสินเชื่อจากโครงการสนับสนุน สินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี 2559/60 แล้ว โดยให้สามารถใช้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ไปด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว