บลจ.กสิกรไทย แนะนำผู้ลงทุนอย่าเพิ่งตกใจ กรณีข่าวผิดนัดตั๋วบีอี พร้อมผลักดันการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง จากความเสี่ยงตัวตราสาร

อังคาร ๑๗ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๖:๕๕
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากกรณีกระแสข่าวเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินที่เกิดขึ้นกับบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะเป็นบริษัทที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิตองค์กรหรือสารหนี้ (unrated) ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษที่ผ่านมา ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบลุกลามต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อการลงทุนในตั๋วบี/อี หรือตราสารที่ออกโดยบริษัทที่ไม่ได้รับการจัดอันดับเครดิต จึงอยากแนะนำให้ผู้ลงทุนได้เกิดความรู้ความเข้าใจ และได้รับทราบถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตราสารดังกล่าวด้วย

นายชัชชัยกล่าวว่า การลงทุนในตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงที่สำคัญอยู่ 2 ประเด็นหลักที่ผู้ลงทุนควรทราบ คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ซึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังในอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น หรืออัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น (market risk / interest rate risk) และความเสี่ยงที่เกิดจากการไม่ได้รับชำระเงินคืนตามกำหนดเวลา (default risk) ซึ่งความเสี่ยงอย่างหลังนี้ ถ้าหากเกิดขึ้นก็มักจะกระทบต่อราคาหรือมีโอกาสขาดทุนมากกว่าความเสี่ยงแบบแรก ทั้งนี้โดยหลักการแล้ว การผิดนัดชำระเงินของตราสารหนี้อาจเกิดขึ้นได้กับตราสารต่างๆ ทั้งตราสารประเภทที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต (non rated) ตราสารที่มีอันดับเครดิตต่ำกว่าระดับที่ลงทุนได้ (non investment grade) หรือแม้แต่ตราสารที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับที่ลงทุนได้ (investment grade) ก็ตาม เพียงแต่ตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจะมีการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทต่อนักลงทุน ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลเบื้องต้นในการประเมินหรือพิจารณาความเสี่ยงก่อนการลงทุน ซึ่งโดยสถิติแล้ว ตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับที่ดี ส่วนใหญ่จะมีโอกาสของการผิดนัดชำระหนี้น้อยกว่าตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับที่ต่ำกว่าหรือไม่มีการจัดอันดับเครดิต แต่ก็จะได้รับอัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าโดยเปรียบเทียบเช่นเดียวกัน

"สำหรับกรณีการผิดนัดชำระหนี้ของหลายบริษัทที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ จะเห็นว่าบริษัทผู้ออกตราสารเหล่านี้ดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน จึงไม่อาจเหมารวมว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใดกำลังมีปัญหาเรื่องการดำเนินงานหรือขาดสภาพคล่องหรือไม่ ทั้งนี้ความผิดพลาดอาจเกิดจากสาเหตุเล็กๆ เช่น มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน หรือปัญหาเรื่องการจัดเงินในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ดี (fault settlement) ซึ่งสาเหตุเหล่านี้หากเกิดขึ้นกับเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินจะไม่เป็นปัญหาหรือมีผลกระทบไม่มาก เพราะสามารถยืดหยุ่นได้มากกว่ากรณีเจ้าหนี้ที่เป็นกองทุนซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพราะต้องนำเงินไปส่งมอบต่อผู้ถือหน่วยให้ทันตามกำหนดเวลา แต่ถ้าพบปัญหาว่ากิจการเริ่มมีการจัดการกับสภาพคล่อง หรือมีปัญหากับธุรกิจที่ดำเนินการอยู่จริงๆ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหนี้ต้องเข้าไปติดตามและแก้ปัญหา นอกจากนี้ประเด็นที่สำคัญคือ แม้ว่ากองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่ผิดนัดชำระส่วนใหญ่จะเป็นกองทุนที่จดทะเบียนจัดตั้งกับก.ล.ต. เป็นกองทุนรวมที่เสนอขายสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยก็ตาม บลจ.หรือเจ้าหนี้ก็ยังมีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงให้ผู้ถือหน่วยลงทุนรับทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วย หรือแม้กระทั่งหากมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็ควรมีคำชี้แจงพร้อมแนวทางในการแก้ไขจัดให้แก่ผู้ลงทุนทราบด้วยเช่นเดียวกัน" นายชัชชัยกล่าว

นายชัชชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทเอกชน บริษัทจัดการจึงจำเป็นที่จะต้องทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในด้านต่างๆ ทั้งระดับมหภาคและจุลภาคไม่แตกต่างจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และต้องมีการติดตามการบริหารผลการดำเนินงานของบริษัทผู้ออกตราสารหนี้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของบลจ.กสิกรไทยเองมีกระบวนการกลั่นกรองถึง 2 ชั้น โดยคณะทำงานพิจารณาการลงทุนด้านตราสารหนี้ และคณะอนุกรรมการบริหารความเสี่ยงด้านการลงทุน ทั้งนี้ การวิเคราะห์จะประเมินทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพiรวมถึงบางครั้งจะมีการเข้าพบผู้บริหารและเยี่ยมชมการดำเนินกิจการของบริษัทที่จะไปลงทุนเพื่อเพิ่มความเข้าใจในธุรกิจและความเสี่ยงของธุรกิจให้มากขึ้น ทั้งนี้การพิจารณาการลงทุนของบริษัทจะคำนึงผลประโยชน์สูงสุดที่ผู้ลงทุนจะได้รับและเพื่อให้ผู้ลงทุนเกิดความเชื่อมั่นมากที่สุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน