สำหรับกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการเช่าพื้นที่ ส.ป.ก. ดำเนินกิจการกังหันลมไฟฟ้า โดย สตง. มีหนังสือแจ้งให้ ส.ป.ก. ตรวจสอบ และ รายงานข้อเท็จจริง ภายใน 60วัน หรือภายในวันที่ 10 เม.ย. 60 นั้น ต้องถือว่าสตง. ทำตามหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ/รายได้ภาครัฐ ตลอดจนทรัพย์สินของรัฐ เป็นไปตามกฎหมาย/ระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งถือว่าช่วยกันกำกับดูแลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ผูกพันทุกองค์กร ซึ่งจะยึดถือเป็นบรรทัดฐานในการต่อสอบและการดำเนินการต่อไป โดยการดำเนินการของ ส.ป.ก. จะต้องรอผลการตรวจตามที่ได้มีการสั่งการไปนำมาสรุป เพื่อจัดทำรายงานชี้แจง สตง. ในกำหนดเวลาต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น การกำหนดอัตราค่าเช่า 35,000 บาท/ไร่/ปี เป็นการดำเนินการที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) ได้สอบถามจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการให้เอกชนเช่าที่ดินทำประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน เช่น กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมป่าไม้ เป็นต้น ซึ่งอัตรานี้สูงกว่าหน่วยอื่นๆ และ ยังให้สามารถปรับอัตราได้ทุกๆ 5 ปี คปก. มีมติเห็นชอบในการประชุม ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 53 ส่วน ค่าเช่า 35,000 บาท/ไร่/ปี นั้น ได้นำเข้ากองทุนปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทั้งหมด ซึ่งการนำไปใช้มีระเบียบชัดเจน และศาลปกครองสูงสุด ไม่ได้ชี้การทุจริตต่อหน้าที่ของ คปจ.ชัยภูมิ และ ส.ป.ก. แต่ศาลปกครองสูงสุดชี้ว่าบริษัทเอกชนไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการเช่า ซึ่งมาทราบภายหลังที่อนุมัติไปแล้ว แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างการฟ้องร้องคดี จึงต้องรอคดีสิ้นสุดก่อน ถึงจะดำเนินการต่อไปได้