ผลสำรวจไอทีชี้บริษัทในไทยได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้านการรักษาความปลอดภัย

พฤหัส ๒๗ เมษายน ๒๐๑๗ ๑๖:๐๖
ผลการศึกษาของบริษัทซีเอ เทคโนโลยีชี้ให้เห็นว่าบริษัทในไทย กำลังเริ่มเห็นผลการปรับปรุงจากตัวชี้วัด KPIs ทางธุรกิจ จากการลงทุนไอที รวมทั้งยอดการเจาะระบบข้อมูลที่ลดลงเช่นกัน

ผลการสำรวจล่าสุดด้านการรักษาความปลอดภัยในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นที่นำเสนอโดยบริษัทซีเอ เทคโนโลยี ได้ชี้ให้เห็นว่า หลายบริษัทในไทยกำลังได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนด้านไอที โดยพิสูจน์ให้เห็นทั้งในด้านตัวชี้วัด KPIs ทางธุรกิจ ไปจนถึงยอดการเจาะระบบที่ลดลง

การศึกษาวิจัยครั้งนี้ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า The Security Imperative: Driving Business Growth in the App Economyและเป็นการศึกษาในระดับโลก ที่ได้สอบถาม ผู้บริหารระดับสูงทางธุรกิจตลอดจนผู้บริหารด้านไอทีจำนวนกว่า 1770 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีมากกว่า 100 ราย ที่เป็น CSOหรือ CIO โดย มีประมาณ 800 รายของผู้ตอบแบบสอบถามที่มาจากประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย โดยแบบสำรวจนี้ได้สอบถามว่า ผู้ตอบมีทัศนคติอย่างไร ในด้านการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยไอทีและผลกระทบที่มีต่อตัวธุรกิจ

สำหรับในกรณีของประเทศไทยได้พบว่า ได้มีการปรับปรุงพัฒนาที่มีผลต่อตัวชี้วัด KPIs ทางธุรกิจ ที่ผู้ตอบแบบสอบถามได้ระบุ ว่าเป็นผลจากความริเริ่มและการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกและญี่ปุ่นโดยรวม

Qualitative Indicators

Key Performance Indicator Percentage of Thailand firms reporting improvement (%) Percentage of APJ firms reporting improvement (%)

1. Competitive Differentiation 80% 71%

2. Customer Retention 79% 72%

3. Customer Experience 78% 75%

4. Employee Recruitment and Retention 78% 70%

5. Digital Reach 69% 72%

Quantitative Indicators

Key Performance Indicator Improvement reported by Thailand firms (%) Improvement reported by APJ firms (%)

6. Customer Satisfaction 59% 44%

7. Operational Efficiency 58% 44%

8. Number of Compliance Audit Failures 57% 42%

9. Decrease in number of security breaches 56% 42%

10. Business Growth 55% 45%

11. Employee Productivity 54% 44%

นอกจากนี้ ยังพบว่า บริษัทในไทย ที่ระบุว่า มีปัญหาการเจาะระบบรักษาความปลอดภัยไอทีมีจำนวนน้อยลง ซึ่งตรงนี้ เป็นค่าเฉลี่ยที่ดีกว่า ภาพรวมของภูมิภาค โดยมีบริษัทในไทย 56 เปอร์เซ็นต์ ที่ กล่าวว่า พบปัญหาการละเมิดการรักษาความปลอดภัยน้อยลง ซึ่ง เป็นค่าตัวเลขที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย 42 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น

ผลตอบแทนที่ได้รับตรงนี้ของบริษัทในไทยได้สะท้อนให้เห็นบทบาทหลักของ บริษัทต่างๆที่ มีความเห็นว่า การรักษาความปลอดภัยไอที ควรจะเป็นรูปแบบใด นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยไอที โดยเฉพาะการรักษาความปลอดภัยที่เน้นระบบไอดี ที่มีอยู่จะต้องมีศักยภาพที่สามารถทำได้มากกว่าการปกป้องตัวธุรกิจในสภาพการใช้งานปัจจุบัน โดยจำเป็นจะต้องมีขีดความสามารถที่จะสร้างความไว้วางใจ ในด้านความสัมพันธ์ในรูปแบบดิจิตอล กับผู้ใช้งานและลูกค้าซึ่งเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นและการขยายตัวทางธุรกิจ ในไทย

• มี 93% ซึ่งจัดว่าสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสูงสุดในหมู่ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกระบุว่า การรักษาความปลอดภัยที่เน้นด้านไอทีมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างช่องทางในการติดต่อที่มีความปลอดภัยสำหรับพนักงาน ลูกค้าและพาร์ตเนอร์ ไม่ว่า จะอยู่ที่ไหนหรือใช้ผ่านอุปกรณ์อะไร

• มี 93% ซึ่งจัดว่า สูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสูงสุดในหมู่ผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลกระบุว่า การรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องใช้งานได้สะดวก และไม่สร้างภาระให้กับยูสเซอร์ผู้ใช้งาน

• มี 92 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า จำเป็นต้องจะมีต้องมีการสร้างสมดุลระหว่าง การรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็ง กับ การปรับตัวที่จะต้องให้ธุรกิจของตนเข้าสู่ตลาดใหม่และนำเสนอเซอร์วิสใหม่ได้สะดวกด้วย

• มี 92 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าการรักษาความปลอดภัยจำเป็นอย่างยิ่งในการปกป้องแบรนด์ของตนและ สามารถมองว่าเป็นตัวชี้ขาดที่สร้างความแตกต่างในการแข่งขันทางธุรกิจ

• มีมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้ใช้ตัวชี้วัดต่างๆเช่น การเข้าถึงทางดิจิตอล การเติบโตทางธุรกิจ ความพึงพอใจของลูกค้า การรักษาฐานลูกค้า การจ้างพนักงาน และการรักษาตัวพนักงานที่มีความสามารถ ตลอดจนประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและกระบวนการทำงาน

"บริษัทในไทยได้แสดงให้เห็น วิสัยทัศน์ที่ยาวไกลในการใช้การรักษาความปลอดภัยไอที มาเพื่อหนุน เป้าหมายทางธุรกิจ และได้ส่งผลตอบแทนกลับมาในรูปของการพัฒนาตัวชี้วัด KPIs ทางธุรกิจที่ดีขึ้น" นิค ลิมรองประธานฝ่ายอาเซียนและจีน บริษัทซีเอ เทคโนโลยี กล่าวและเสริมว่า "ปัจจุบันเรากำลังใช้ชีวิตและทำงานอยู่ในยุคดิจิตัล ซึ่งเป็นยุคที่ผู้บริโภค มีความรอบรู้และคาดหวังมากยิ่งขึ้น ว่า ข้อมูลสำคัญส่วนบุคคลของตนที่ให้ไว้กับบริษัทจะถูกบริหารจัดการในรูปแบบใด ดังนั้นถ้าจะบรรลุเป้าหมายในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตอลให้สำเร็จ บริษัทธุรกิจจะต้อง มีพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นหลักเพื่อสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าที่ไว้วางใจได้เสมอ"

การใช้งาน ระบบรักษาความปลอดภัยที่เน้นไอดีขั้นสูง ช่วยสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจและลดปัญหาการเจาะระบบข้อมูล

จากการศึกษาที่มีในระดับภูมิภาค ยังได้จัดสถานะบริษัทผู้ตอบแบบสอบถาม ในด้านที่เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยต่างๆ เช่นดูจาก ประสบการณ์การใช้งานของยูสเซอร์ ระบบบริหารจัดการไอดีและการเข้าถึงข้อมูลและประเด็นการเจาะระบบข้อมูล โดยข้อมูลนี้ได้ช่วยให้บริษัทซีเอ เทคโนโลยีและบริษัทวิจัยColeman Parkesซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ในการสร้าง โมเดลจำลองเพื่อแยกแยะว่า บริษัทต่างๆ ของผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับขั้นสูง ระดับพื้นฐานหรือยังมีการใช้งานในวงจำกัด

โดยสภาพทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นสามารถจำแนกได้ว่าส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถาม จะเป็นผู้ใช้งานระบบการรักษาความปลอดภัย ที่เน้นหนักในด้านไอดี ในระดับเบสิกอยู่ 64% ซึ่ง เน้นหนักไปที่การใช้งานหลักๆ เช่นการบริหารจัดการรหัสผ่าน ระบบ SSO รวมทั้งการวิเคราะห์และการรายงานผลในบางด้าน

ในขณะที่มีอีก 28 เปอร์เซ็นต์ จัดได้ว่าเป็น บริษัทที่ใช้งานในระดับสูง โดย เน้นไปที่ด้านต่างๆ เช่นการรักษาความปลอดภัยที่ยืดหยุ่นปรับตัวได้ การวิเคราะห์ระบบพฤติกรรมการใช้งาน และการสนับสนุน การรักษาความปลอดภัยข้ามช่องทางต่างๆ

ถึงแม้บริษัทผู้ใช้งานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยทั่วไปจะมีการปรับปรุงพัฒนาขึ้น ใน ทางธุรกิจซึ่งเป็นผลมาจากความริเริ่มในการใช้จากระบบรักษาความปลอดภัยก็ตาม การสำรวจนี้ยังได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทผู้ใช้งานในระดับสูงโดยทั่วไปแล้วจะระบุว่ามีผลตอบแทนที่เด่นชัดมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า การปฏิบัติงานทางธุรกิจและการรักษาความปลอดภัย

• บริษัทที่ผู้ใช้งานระดับสูง มี ยอดเติบโตทางธุรกิจ และ มีรายได้ใหม่ๆ เข้ามา กว่า 58% ในขณะที่บริษัทที่ใช้งานในระดับ พื้นฐาน มียอดปรับปรุงพัฒนาขึ้นเพียง 44%

• 58 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทผู้ใช้งานระดับสูงระบุว่ามีการปรับปรุงพัฒนาในด้านผลิตภาพงานของพนักงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่ บริษัทใช้งานในระดับพื้นฐาน ระบุว่ามีการพัฒนาเพิ่มขึ้นเพียง 44 เปอร์เซ็นต์

• บริษัทผู้ใช้งานระดับสูงระบุว่า มีการพัฒนากว่า 49 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องการแก้ปัญหา ความล้มเหลวในการตรวจสอบระบบ ในขณะที่บริษัทที่ใช้งานขั้นพื้นฐานระบุว่ามีเพียง 38 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

• สำหรับในกรณีของการเจาะระบบข้อมูลนั้น บริษัทที่ใช้งานระบบไอทีการรักษาความปลอดภัยที่เน้นไอดีดีขั้นสูง ระบุว่ามีการลดลงของการเจาะระบบ ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่บริษัทที่ใช้งานในระดับพื้นฐานมีการปรับปรุงในเรื่องนี้ขึ้นเพียง 12 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังได้สำรวจพบว่า ที่พบว่ามีการเจาะระบบลดลงนั้น บริษัทที่ใช้งานขั้นสูงในด้านการรักษาความปลอดภัยที่เน้นไอดี ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น ยังได้พบว่า

• มี 86 เปอร์เซ็นต์ การใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้า ในการสกัดการเจาะระบบ

• 82% เน้นไปที่อุปกรณ์โมบายและแอพพลิเคชั่น

• 73% เน้นหนักที่ การใช้งานระบบยืนยันตัวเองที่มีความเข้มแข็ง และ ระบบเป็นขั้นตอนมากขึ้น

• มี 68% ที่มีการตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อจะเน้นโฟกัสไปที่ บริเวณที่มีความเสี่ยงสูงเช่น ไอดีของผู้ใช้งานที่ได้รับสิทธิ์พิเศษ และการเปลี่ยนรูปแบบองค์กรให้ มีความสอดคล้อง ต่อหน้าที่รับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น

• มี 59% ที่ให้การศึกษาอบรม ด้านรักษาการรักษาความปลอดภัยกับตัวบุคลากรในองค์กรมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง