โรงแรมแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่ในภูมิภาคตอนกลางของเนปาล โดยห่างจากตัวเมืองเมืองกาฐมาณฑุและสนามบินนานาชาติตริภูวันเพียง 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์ ประกอบไปด้วยห้องพักแขกจำนวน 44 ห้อง และวิลล่าจำนวน 20 ยูนิต ทุกห้องสามารถมองเห็นทิวทัศน์สุดตระการตาของเทือกเขาหิมาลัย มีบริการทรีทเม้นท์จากสปาเทวารัณย์เพื่อมอบประสบการณ์การผ่อนคลายแบบส่วนบุคคลสำหรับแขก พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการตลอดวัน บาร์และล็อบบี้เลาจน์ สระว่ายน้ำ และห้องประชุม นอกจากนี้ แขกที่เข้าพักยังสามารถเพลิดเพลินกับกิจกรรมเดินป่าท่ามกลางธรรมชาติได้อีกด้วย
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า "โรงแรมดุสิตธานี หิมาลายา รีสอร์ทแอนด์สปา ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนวิเศษที่จะช่วยเติมเต็มชีวิตชีวาให้ร่างกายและจิตใจแก่ผู้เข้าพัก ตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์เราที่ต้องการนำการบริการอย่างไทยไปสู่นานาประเทศ เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่ารีสอร์ทแห่งนี้ส่งผลดีต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม และเราตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นของรีสอร์ทเมื่อเปิดให้บริการ"
มร. วิชณุ มอร์ (Mr Vishnu Mor) หุ้นส่วนของบริษัท ออมสโตน เอเชีย แคปปิตอล เนปาล จำกัด กล่าวว่า "การร่วมมือกันครั้งนี้เป็นมากกว่าการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ แต่เปรียบเสมือนความร่วมมือทางจิตวิญญาณของสองบริษัทที่มีความเชื่อและค่านิยมที่เหมือนกัน เพื่อสรรสร้างพลังบวกและความหมายอันน่าจดจำให้กับเนปาล นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์อันยาวนานและมั่นคงของเรา เพราะเราตั้งใจที่จะได้ร่วมงานกับทางดุสิตต่อไปอีกในอนาคตทั้งในเนปาลและที่อื่นๆ"
มร. ราเมช เค ฮามาล (Mr Ramesh K. Hamal) กรรมการผู้จัดการบริษัท ออมสโตน เอเชีย แคปปิตอล เนปาล จำกัด เสริมว่า "รีสอร์ทแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตประจำวัน เพราะที่นี่มีวิวธรรมชาติที่งดงาม มีห้องพักที่หรูหราสะดวกสบาย และมีการบริการอย่างไทยในแบบของดุสิตที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เราดีใจที่ได้ร่วมงานกับดุสิตในโครงการที่มีความพิเศษอย่างในโครงการนี้
ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล มีการขยายธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล บริหารโรงแรมทั้งหมด 29 แห่ง ใน 8 ประเทศ ภายใต้ 4 แบรนด์ ได้แก่ ดุสิตธานี ดุสิตดีทู ดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตเดวาราณา และจะเพิ่มจำนวนขึ้นรวมเป็นกว่า 70 แห่งทั่วโลกภายในปี 2565