นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสร้างสรรค์ภูมิปัญญาจังหวัดสระบุรีสู่ภาคการค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน THAIFEX- World of Food Asia 2017 นับเป็นโอกาสดีที่สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปท้องถิ่นได้รับการพัฒนาสู่ภาคอุตสาหกรรมและการค้าอย่างจริงจัง โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากจังหวัดสระบุรี ในการส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในจังหวัดสระบุรี ให้เกิดความตื่นตัวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ โดยนำนวัตกรรมมาผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดสินค้าใหม่ในเชิงการผลิตภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้เปิดมิติทางการค้าใหม่ๆ ในระดับสากล และนับเป็นแนวทางความร่วมมือระหว่างจังหวัดสระบุรีและกระทรวงอุตสาหกรรมในการขยายช่องทางการตลาดสู่ต่างประเทศผ่านงานจัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ
"เป็นที่ทราบดีว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสระบุรีกว่าครึ่งหนึ่ง เป็นกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน กระบวนการผลิตสินค้าและบริการสู่มาตรฐานสากล เชื่อมโยงกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับวิถีภูมิปัญญาไทย เพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตร โดยการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมและการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์มาเป็นเครื่องมือการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม ตั้งเป้าให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High value added) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญและเอื้อประโยชน์ให้แก่จังหวัดสระบุรีในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ได้อีกด้วย โดยนำวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาร่วมสร้างสรรค์งานและสร้างรายได้"
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์จังหวัดสระบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระบุรี ร่วมด้วยสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดสระบุรีมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 เพื่อเข้าร่วมโครงการ โดยการยกระดับกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ต้นแบบ จำนวน 12 ราย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบมีแนวคิดในการเชื่อมโยงภูมิปัญญา การนำวัตถุดิบที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ในรูปลักษณ์ใหม่ บรรจุภัณฑ์ใหม่ และให้สามารถนำผลิตภัณฑ์
ออกสู่สาธารณชนเพื่อสร้างการรับรู้ และเพิ่มโอกาสทางการค้าในระดับสากล โดยการจัดงานเพื่อสร้างการรับรู้และโอกาสทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ด้วยนวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการกับภาคการค้าที่มีศักยภาพ
"ในวันนี้ได้นำตัวอย่างต้นแบบผลิตภัณฑ์บางรายการมาจัดแสดงภายในบูธสถาบันอาหาร ในงาน THAIFEX-World of Food Asia 2017 ด้วยแนวคิด "Saraburi Selected" หรือของดีสระบุรี อาทิ ซอสเอนกประสงค์ทรีอินวัน, น้ำดอกทานตะวันพร้อมดื่ม, แยมมัลเบอรี่ทูอินวัน, ทองม้วนเคลือบเมล็ดทานตะวัน, น้ำมัลเบอรี่พร้อมดื่ม (สูตรน้ำตาลต่ำ), พั๊ฟสติ๊กแช่แข็ง, คุกกี้ธัญพืชเพื่อสุขภาพ, น้ำนมโปรตีนสูงพร้อมดื่ม, ขนมเปี๊ยะไส้เมล็ดทานตะวัน, กระยาสารทเมล็ดทานตะวัน (สูตรน้ำผึ้ง), ซันพั๊ฟ (กะหรี่ปั๊บรูปดอกทานตะวัน) และน้ำเห็ดพร้อมดื่ม เป็นต้น
โดยในปีนี้ภาพรวมภายในบูธของสถาบันอาหารได้จัดแสดงนิทรรศการ และตัวอย่างผลิตภัณฑ์อาหารจากผู้ประกอบการของไทยรวมจำนวน 24 ราย ด้วยแนวคิด Future Food เพื่อชี้ให้เห็นแนวโน้มพฤติกรรมการบริโภคอาหารของโลกในอนาคต ประกอบด้วยสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ(Functional Foods) อาหารทางการแพทย์(Medical Food) อาหารเพื่อบำบัดผู้ป่วยเฉพาะโรค อาหารอินทรีย์(Organic Foods) และอาหารที่ผลิตขึ้นมาใหม่เพื่อนวัตกรรม(Novel Food) หลากหลายประเภท บริเวณบูธ M25 - M35 ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสาธิตการปรุงอาหารรสไทยแท้(Authentic Thai Food) สร้างสีสันแก่นักชิมที่เข้าร่วมชมงานอีกด้วย โดยประชาชนทั่วไปที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าสามารถเข้าชมได้ในวันจำหน่ายปลีกวันที่ 3 และ 4 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 -20.00 น."
นายยงวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ในภาคบ่ายได้จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ(Business Matching) เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการจังหวัดสระบุรี โดยได้รับความร่วมมือจากภาคการค้า ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (Tops Supermarket) บริษัท สังคมสุขภาพ จำกัด (เลมอนฟาร์ม) บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด และร้านอาหารชาติไทย จากซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้ประกอบการจังหวัดสระบุรีอีกด้วย