ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการโครงการดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ ว่า กระทรวงดิจิทัลฯ จัดทำโครงการดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ หรือ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในประเทศ นับว่าเป็นการพัฒนาของ บมจ.กสท โทรคมนาคม ไปสู่ธุรกิจใหม่ และการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลยุคใหม่ผ่านธุรกิจดิจิทัลระดับโลก ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการออกแบบก่อสร้างผังสาธารณูปโภคบนพื้นที่ 709 ไร่ ในเขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี บนที่ดินของ บมจ.กสทฯ พร้อมกับการเดินหน้าเจรจาเพื่อลงนามความร่วมมือ (MOU) กับนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย โดยในปี พ.ศ. 2561-2564 จะเปิดให้นักลงทุนเข้าพื้นที่โซนธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัล พร้อมก่อสร้างสาธารณูปโภค ที่พัก รวมถึงศูนย์บริการข้อมูล และศูนย์การค้า
ด้านนาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลผ่านโครงการต่างๆ ถือว่ามีความคืบหน้ามาตามลำดับ อาทิ โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หรือ เน็ตประชารัฐ ที่ล่าสุดได้มีการ ส่งมอบการบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง "Wi-fi เพื่อประชาชน" ให้ 11 หมู่บ้านในอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง พร้อมเยี่ยมชมและพบปะพูดคุยกับชาวบ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินงานติดตั้งและขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านสื่อสัญญาณสายเคเบิลใยแก้วนำแสงความเร็วสูงมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กระทรวงดิจิทัลฯ กำหนดเป้าหมายการติดตั้งครบทั้ง 24,700 หมู่บ้าน ภายในสิ้นปี 2560 รวมถึงสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการเน็ตประชารัฐของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ในส่วนของการก่อตั้ง 2 บริษัทลูกของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้จัดตั้ง บริษัท โครงข่ายบรอดแบนด์แห่งชาติ จำกัด (NBN) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (NGDC) โดยให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ คำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เพื่อให้ NBN และ NGDC มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ สามารถแข่งขันกับเอกชนได้ รวมทั้งส่งเสริมให้การดำเนินการของ NBN และ NGDC ตลอดจน ให้หน่วยงานภาครัฐที่มีแผนหรือโครงการลงทุนในการจัดสร้างหรือมีความต้องการใช้งานบริการ Data Center/Cloud มาใช้บริการของ NGDC โดยให้กระทรวงดิจิทัลฯ พิจารณาในการลงทุนในธุรกิจ Data Center/Cloud ที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนและได้ประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐที่ดีขึ้นด้วยนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขอจดทะเบียนจัดตั้ง คาดว่าจะเป็นไปตามแผนการดำเนินงานฯ ที่กำหนดไว้
สำหรับการบริหารกิจการดาวเทียมนั้น กระทรวงดิจิทัลฯ เห็นถึงความสำคัญและการใช้ประโยชน์ที่จะต้องสามารถรองรับการติดต่อสื่อสารที่มีการขยายตัวมากขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณากำหนดนโยบายเพื่อใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการดาวเทียมสื่อสารในอนาคต ซึ่งจะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และประโยชน์สูงสุดของประเทศ รวมทั้งสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
จากที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของความคืบหน้าในโครงการต่างๆ ที่กระทรวงดิจิทัลฯ กำลังดำเนินการ เพื่อให้สอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 ที่รัฐบาลวางไว้ ซึ่งกระทรวงดิจิทัลฯ ถือเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิรูปประเทศ และเปลี่ยนผ่านสังคมสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการผลักดันประเทศให้ก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ขณะที่ พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดิจิทัลพาร์คไทยแลนด์ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้นำทีมผู้บริหารของกระทรวงฯ และ บมจ.กสทฯ ไปพบปะพูดคุยกับหลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนนักลงทุนต่างประเทศ อาทิ จีน ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่ง บมจ.กสทฯ ได้มีการเจรจาต่อเนื่องหลังจากการหารือกับกลุ่มต่างๆ ดังกล่าว โดยในเบื้องต้นมีการเจรจาในเรื่องต่างๆ เช่น การร่วมลงทุนในโครงการเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศเส้นใหม่ การลงทุนในด้านการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 การลงทุนในธุรกิจ Data Center และ Cloud นอกจากนั้นยังมีความสนใจร่วมมือในด้านอื่นๆ อีก เช่น ด้าน Digital Solution on cloud, Smart City, Smart Electric, Smart Education, Smart Building, Connected Car, smart Logistic เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจและขอเยี่ยมชมพื้นที่ Digital Park เป็นจำนวนมาก
นอกเหนือจากโครงการดังกล่าวข้างต้น ยังได้มีการหารือเพิ่มเติมในส่วนของการลงทุน Smart ECC รวมไปถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นหากโครงการต่างๆ เป็นรูปธรรม ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลาง CLMV ซึ่งประโยชน์จะตกกับประเทศชาติและประชาชนในท้องถิ่น โดยปัจจุบัน บมจ.กสทฯ ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการทำ Master Plan สำหรับโครงการ Digital Park และคาดว่าน่าจะมีผู้สนใจร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ในเร็วๆ นี้
สำหรับความร่วมมือด้าน Data Center นั้นมีหลายประเทศให้ความสนใจในการร่วมลงทุน โดยผู้สนใจจะนำข้อมูลไปศึกษาเพิ่มเติม และนำความคิดเห็นกลับมาพูดคุยในเดือนหน้า โดยอาจนำเสนอรูปแบบการร่วมลงทุน และเงื่อนไขเพิ่มเติม แต่ในเบื้องต้นผู้ร่วมลงทุนพอใจกับสิทธิประโยชน์ที่ทางรัฐบาลเสนอ