เอกชนลุ้นการเปลี่ยนผ่านปฏิรูปภาษีสรรพสามิตไร้รอยต่อ สร้างความเท่าเทียมในสมรภูมิการค้า

อังคาร ๐๘ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๔๙
นางมัลลิกา ภูมิวาร ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีศุลกากรและการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ จากโบลลิเกอร์ แอนด์ คอมพานี คอนซัลติ้ง จำกัด และที่ปรึกษาธุรกิจภาคเอกชน เผยจาก ข่าวมติ ครม. ที่ให้มีการปรับขึ้นภาษีบาปร้อยละ 2 เพื่อสนับสนุนกองทุนผู้สูงอายุ โดยจะมีผลบังคับใช้ประมาณต้นปี 2561 นั้น นางมัลลิกากล่าวว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะประเมินถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาพรวม เนื่องจากจะต้องดูกฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 ก.ย. นี้ เพื่อรอดูถึงโครงสร้างการจัดเก็บที่จะออกแบบมาเป็นฐานการจัดเก็บภาษีในสินค้าต่างๆ รวมถึงสินค้าบาปในกลุ่มเหล้าและบุหรี่ด้วย จากนั้นจึงจะสามารถเห็นได้ว่าภาษีที่จัดสรรพิเศษให้กองทุนใหม่นี้ส่งผลกระทบมากหรือน้อยในส่วนของการเพิ่มภาระภาษี ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามกรอบหลักการรายได้คงเดิม (Revenue Neutrality) ตามที่กรมสรรพสามิตตั้งเจตนารมณ์ไว้ในการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตใหม่ "ที่สำคัญที่ภาคเอกชนรอดู คือ rate หรืออัตราภาษีที่จะเก็บจริงในแต่ละสินค้าและรูปแบบของการรายงานที่ต้องแจ้งต่อกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรในกรณีการนำเข้าสินค้า ซึ่งหลัง 16 ก.ย. ทุกสินค้าที่เข้าข่ายการเสียภาษีสรรพสามิตจะใช้ราคาขายปลีกแนะนำเป็นฐาน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะต่างชาติที่เข้ามาลงทุนได้มีการพูดคุยและสื่อสารกับภาครัฐไปก่อนหน้านี้ถึง เรื่องการยึดหลักการ "สร้างความเท่าเทียม" (level-playing field) ในสมรภูมิการค้าให้กับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ โดยการกำหนดโครงสร้างและอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่อาจจะกลายเป็นประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้าอีกครั้งหากสร้างความเหลื่อมล้ำในการกำหนดโครงสร้างและอัตราภาษีที่อาจเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการในประเทศ สิ่งนี้คือประเด็นที่ท้าทายว่าภาครัฐไทยจะออกแบบการจัดเก็บภาษีอย่างไรให้เกิดความเท่าเทียมและสร้างภาวะที่แข่งขันได้ให้กับผู้เล่นทางธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็ยังคงสร้างรายได้จากเม็ดเงินภาษีเข้ารัฐได้"

ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและการลงทุนกล่าวเน้นย้ำว่าหลักการจัดเก็บภาษีที่จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมและดีที่สุดก็คือการใช้อัตราเดียวกับสินค้าประเภทเดียวกันเพื่อความเรียบง่ายในการจัดเก็บ (Unitary rate) เพราะจะไม่ก่อให้เกิดข้อกังขาในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจนอาจถูกมองได้ว่ามีลักษณะ protectionism อันเป็นหลักการที่นานาชาติสากลไม่สนับสนุน นอกจากนี้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่สูงกว่าเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อสินค้าในประเทศอาจขัดต่อกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) อีกด้วย

นางมัลลิกากล่าวทิ้งท้ายว่า "ภาคเอกชนยังห่วงเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านกฎระเบียบในระดับการปฏิบัติงานจริงว่าได้มีการจัดการระบบต่างๆ รองรับและประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้พร้อมก่อน 16 ก.ย. ต่อการเปลี่ยนผ่านไปใช้ภาษีใหม่โดยไร้รอยต่อเพื่อตอบรับสังคมยุค 4.0 แล้วหรือไม่ โดยภาคธุรกิจได้ร้องขอให้รัฐคำนึงถึงช่วงระยะเวลา lead time ในการปฏิบัติงานในส่วนนี้และทำให้ระบบทั้งหมดเชื่อมต่อและเข้าถึงได้โดยง่าย เนื่องจากภาคเอกชนมีความกังวลมากในเรื่องความต่อเนื่องของธุรกิจ หากมีอันต้องสะดุด หรือชะงักงันลงด้วยเหตุผลทางเทคนิคและความปลอดภัย(security) ของระบบก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการวางแผนลงทุนของนักลงทุนด้วย"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud