GL กำไร Q2 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 11

อังคาร ๑๕ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๕๖
บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย รายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 2/2560 ทำกำไรสุทธิ337.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.70% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยนับเป็นกำไรสุทธิสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่11 ซึ่งกำไรสุทธิไตรมาสล่าสุดนี้ สะท้อนผลประกอบการที่ดีขึ้นในทุกตลาด ที่ GL ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยเฉพาะฐานธุรกิจหลักในประเทศไทยและกัมพูชา ตลอดจนตลาดใหม่ในประเทศเมียนมาและอินโดนีเซีย

รายงานงบการเงินประจำไตรมาส Q2/2560 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (15 ส.ค.) ระบุว่า รายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อมียอดทั้งสิ้น 525.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.61 ล้านบาท หรือ 6.83% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนใหญ่มาจากผลประกอบการของบริษัทฯ ย่อยในกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่งเพิ่มขึ้น 14.86ล้านบาท และ 13.18 ล้านบาทตามลำดับ

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยจากเงินกู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งผู้กู้ใช้มอเตอร์ไซต์เดิมของตนเองเป็นหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น 12.41 ล้านบาท หรือ 46% เป็นยอดเงิน 39.37 ล้านบาท โดยยอดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 12.41 ล้านบาทนั้น ประกอบด้วย 12.02 ล้านบาท มาจากผลประกอบการบริษัทฯ ย่อยในประเทศไทย คือ บริษัท ธนบรรณ จำกัด ขณะที่สินค้าเชื่อประเภทนี้ ได้นำไปให้บริการเป็นสินเชื่อประเภทใหม่ในประเทศกัมพูชา ซึ่งสามารถเริ่มสร้างรายได้ 0.39 ล้านบาทในไตรมาสนี้

ส่วนธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ในประเทศเมียนมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง โดยสร้างรายได้ดอกเบี้ยในไตรมาสนี้เป็นครั้งแรกเป็นเงิน 6.22 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อประเภทนี้ ประกอบด้วยเงินกู้ขนาดเล็กระยะเวลาชำระคืน 50 สัปดาห์ โดยปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มละ 5 คน ซึ่งต้องดูแลรับผิดชอบซึ่งกันและกันในการชำระคืนเป็นรายสัปดาห์ โดยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหนี้เสียเกิดขึ้น ถือว่าเป็นหนี้ NPL 0%

จุดเด่นอีกส่วนหนึ่งจากผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 มาจาก รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) มูลค่า 12.18 ล้านบาท จากผลประกอบการบริษัทฯ ร่วมทุนระหว่าง GL กับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ JTrust Asia (JTA) ในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และให้บริการสินเชื่อหลายรูปแบบภายใต้ชื่อบริษัทร่วมทุน PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมในการให้บริการต่างๆ เช่น การตลาด การคัดเลือกลูกค้าและการเก็บเงินค่างวดโดยเน้นสินเชื่อสำหรับเครื่องมือทางด้านการเกษตรและจักรยานยนต์ โดยตัวเงินกู้สำหรับสินเชื่อนั้น มาจากธนาคาร PT Bank JTrust Indonesia (ธนาคารท้องถิ่นในเครือบริษัท J Trust Co. โดยตัวบริษัท J Trust Co. จดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียว)

สำหรับประเทศอินโดนีเซียนั้น เป็นตลาดใหญ่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อย่างมาก โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ J Trust Co. นาย Nobuyoshi Fujisawa ได้กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ธุรกิจร่วมทุนระหว่าง GL และ J Trust ในอินโดนีเซีย จะขยายเป็นพอร์ตโฟลิโอที่ใหญ่ที่สุดและสร้างผลกำไรมากที่สุดสำหรับGL ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

รายได้ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง เป็นรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้สำหรับ SME ในประเทศสิงคโปร์และไซปรัส รวมเป็นเงิน 125.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 29.99%ในบริษัท Commercial Credit&finance (CCF) ในประเทศศรีลังกา ในไตรมาสนี้มียอดเงิน 36.73 ล้านบาท หรือลดลง24% จากส่วนแบ่งกำไรในไตรมาสก่อนหน้านี้ เนื่องจากประเทศศรีลังกา มีวันหยุดประจำชาติยาวนานถึง 2 สัปดาห์ในเดือนเมษายน โดยบริษัท CCF ถือเป็นธรรมเนียมปฎิบัติไม่เก็บดอกเบี้ยจากลูกค้าทั้งหมดในช่วงวันหยุดยาวดังกล่าว ดังนั้น กำไรในไตรมาสนี้ ถือว่าอยู่ในระดับต่ำตามฤดูกาล

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย กล่าวชี้แจงว่า กำไรสุทธิสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นยอดสูงสุดในไตรมาส 2/2560 นั้น เป็นผลจากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกๆ ตลาดที่ GL ดำเนินธุรกิจอยู่ แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจะปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการทั้งสิ้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 271.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายด้านบริหารจัดการยังขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ สะท้อนถึงการบริหารที่มีประสิทธิภาพสูง

ธุรกิจในกัมพูชาและประเทศไทย ยังคงเป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม GL โดยมีส่วนแบ่ง 49.3% และ 45.3% ตามลำดับ ในยอดพอร์ตโฟลิโอทั้งสิ้น 10,246 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งของ สปป.ลาว เมียนมาและอินโดนีเซีย ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7%, 1.1% และ 0.7% ตามลำดับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง