ภายในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลอดไฟรุ่นใหม่นี้ Tunghsu ได้นำ Super Light ที่ทำจากกราฟีนมาเปรียบเทียบกับหลอดไฟ LED แบบดั้งเดิม และหลอดไฟโซเดียมแบบเดิมที่ติดตั้งในสถานที่จริง ผลปรากฎว่า เทคโนโลยีของวัสดุกราฟีนที่มีคุณสมบัติจัดการความร้อนและกระบวนการผลิตช่วยให้โมดูล LED ภายในของ Super Light นั้นมีขนาดเพียง 1 ใน 4 ของโมดูลหลอดไฟแบบดั้งเดิม และมีน้ำหนักเพียง 1 ใน 3 แต่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% และประหยัดไฟไปได้ถึง 20-30% เมื่อเทียบกับ LED แบบเดิม และประหยัดไฟได้มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบโซเดียม
ในการสาธิตส่องไฟเฉพาะจุดนั้น พบว่า Super Light ให้ความสว่างที่สูงกว่ามาก ในขณะที่การเกลี่ยแสงมีความเป็นเนื้อเดียวกันมากกว่าหลอดไฟ LED และหลอดไฟโซเดียมแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ หลอดไฟ Super Light ยังใช้พลังงานน้อยกว่าแต่ให้ประสิทธิภาพการมองเห็นที่ดีกว่าหลอดไฟ LED และหลอดไฟโซเดียม ผลลัพธ์จากการจัดวางฉากสถานที่และเครื่องมือวัด ระบุว่า หลอดไฟ LED กราฟีน 31 วัตต์ สามารถประหยัดไฟได้ถึง 75% เมื่อเทียบกับหลอดไฟโซเดียม 125 วัตต์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 295 กิโลกรัม ขณะที่ระยะเวลาในการชาร์จหลอดไฟกราฟีนในรถยนต์ขนาด 21 วัตต์นั้น ใช้เวลาน้อยลงไปถึง 38 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับหลอดไฟแฮโลเจนในรถยนต์ขนาด 177 วัตต์ ซึ่งหมายความถึงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปได้ถึง 222 กิโลกรัม ส่วนหลอดไฟบนท้องถนนที่ทำจากกราฟีนยังสามารถปล่อยแสงของแสงสีเหลืองที่เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวของโลก ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวจะช่วยขยายอาณาเขตการใช้งานหลอดไฟ LED ได้อย่างมหาศาล
ภายหลังจากที่ได้มีการประกาศเปิดตัว Graphene King ซึ่งเป็นแบตเตอรี Li-on ที่ทำจากกราฟีนแล้ว Tunghsu ก็ได้รุดหน้าต่อยอดสถานะผู้นำด้านการประยุกต์ใช้กราฟีนด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์จากกราฟีนรุ่นใหม่อย่าง Super Light ที่สามารถทลายข้อจำกัดทางเทคนิคที่มีความท้าทายสูง จนไม่มีผู้ผลิตรายใดกล้าออกผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันในท้องตลาด Tunghsu จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการอนุรักษ์พลังงาน การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการสร้างเมืองอัจฉริยะในอนาคต