เมอร์คคอร์ป จับมือ เคเอ็ม แลนด์ เดินหน้าโครงการ “MILLIONAIRE FAST-LANE II ONE KESAS” ปูทางขยายโอกาสชวนผู้ประกอบการไทยลุยขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ

ศุกร์ ๑๙ มกราคม ๒๐๑๘ ๑๐:๒๑
กลุ่มบริษัท เมอร์คคอร์ป (MERC CORP) ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ นำโดย ดร.ภาณุ บุญสมบัติ กรรมการบริหาร ผนึกกำลัง กลุ่มบริษัท เคเอ็ม แลนด์ (KM LAND GROUP) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ MILLIONAIRE FAST-LANE II หรือ "ทางสายด่วนชวนเป็นเศรษฐี" ครั้งที่ 2 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยรุกหน้าขยายธุรกิจให้เติบโตในต่างประเทศได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายไชยวัฒน์ หาญสมวงศ์ ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) เป็นประธานเปิดงาน และมี ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรงค์ ที่ปรึกษากรรมการบริหารกลุ่มบริษัท เมอร์คคอร์ป (MERC CORP) MR. ONG SHAU SOO CHIEF EXECUTIVE OFFICER KM LAND GROUP นายอภิชาติ ประสิทธินฤทธิ์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พรบ.ส่งเสริม SME และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยนายทนง ทองด้วง นายกสมาคมนักพัฒนาผู้ประกอบการภาคใต้ SEDA ร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดยมี MR. WILLIAM KEE PA, คุณเบญจวรรณ เดชเอี่ยมสกุล, คุณสิทธิราช จันทศรี และคุณณรงค์ โพธิวนากุล ร่วมงาน ณ ห้อง CONFERENCE HALL GLOWFISH SATHORN ชั้น 2 อาคารสาธรธานี 2

ดร.ภูมิพิชัย ธารดำรงค์ ที่ปรึกษากรรมการบริหารกลุ่มบริษัท เมอร์คคอร์ป กล่าวว่า ด้วย MERC CORP เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทพัฒนาที่ดินในทวีปเอเชีย และประเทศออสเตรเลีย ในด้านห้างสรรพสินค้า รูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาทางด้านการขายและการตลาด โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย ที่ในขณะนี้มีความต้องการสินค้าและบริการจากประเทศไทย ร้านอาหารไทย ในรูปแบบ STAND ALONE, MAGNET ZONING, SPECIALTY STORE,CONCEPT STORE และ TRADE CENTER เป็นต้น

การแข่งขันของธุรกิจไทยในปัจจุบันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจไทยที่จะแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ ๆ ในต่างประเทศ และปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ต่างชาติมีความต้องการสินค้าไทยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน ด้วยเหตุนี้จึงจัดตั้งโครงการ MILLIONAIRE FAST-LANE ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลสินค้าจากผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการนำสินค้าออกสู่ตลาดโลก ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และสมาคมที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เช่น สสว. สมาคมเอส เอ็ม อี สมาคมแฟรนส์ไชส์ ศูนย์รวมสินค้า OTOP และสมาคมหอการค้าไทย ในการเปิดช่องทางให้เข้าถึงข้อมูลของสมาชิกของแต่ละภาคส่วนเพื่อนำเสนอกิจกรรมและช่องทางการตลาดของโครงการฯ โดยล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตร KM LAND GROUP ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ในการขยายธุรกิจไทยสู่ ONE KESAS ศูนย์ค้าส่งสินค้าไทยแห่งแรกในมาเลเซีย นับได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ด้าน MR. ONG SHAU SOO CHIEF EXECUTIVE OFFICER KM LAND GROUP กล่าวว่า KM LAND GROUP บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันได้ดำเนินงานโครงการ ONE KESAS ซึ่งเริ่มจากความต้องการสร้างศูนย์กระจายสินค้าเพื่อการค้าส่งสินค้าไทยโดยเฉพาะ เนื่องด้วยความนิยมสินค้าไทยในประเทศมาเลเซียมีสัดส่วนที่สูงขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทอาหารแห้ง ขนมอบกรอบ เครื่องปรุงรส สินค้าหัตถกรรม สินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สปาที่ผลิตจากสมุนไพรไทย รวมถึงสินค้าแฟชั่น เป็นต้น เรียกได้ว่า ONE KESAS เป็นเสมือนโชว์รูมขนาดใหญ่สำหรับสินค้าไทยอย่างถาวรและเต็มรูปแบบ รองรับด้วยร้านค้ามากกว่า 200 ร้านค้า นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนและจัดการด้านการตลาดทั้งทางออนไลน์ และ ออฟไลน์ พร้อมทั้งการจัดการด้านงานขาย ตลอดจนการจัดหาตัวแทนจัดจำหน่าย อีกด้วย

"ประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นตลาดที่สินค้าไทยมีศักยภาพสูง ด้วยมูลค่าส่งออกของไทยไปมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นจาก 7.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2552 เป็น 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2556 หรือขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 11 ต่อปี ส่งผลให้ปัจจุบันมาเลเซียก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 1 ของไทยในอาเซียน และเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 5 ของไทยในโลก ขณะที่การค้าระหว่างไทยและมาเลเซียยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกในระยะถัดไป เนื่องจากเศรษฐกิจมาเลเซียมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดย EIU คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.8 ในปี 2556 เป็นเฉลี่ยร้อยละ 5.4 ต่อปี ในช่วงปี 2557-2561 ซึ่งจะเกื้อหนุนกำลังซื้อของชาวมาเลเซียที่มีจำนวนราว 30 ล้านคน โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จาก 10,650 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2556 เป็น 16,070 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561 สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าผู้ประกอบการไทยจะสร้างรายได้มหาศาลจากประเทศศักยภาพได้อย่างแน่นอน"

คุณอภิชาติ ประสิทธินฤทธิ์ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการพิจารณาร่าง พรบ.ส่งเสริม SME และ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า "โครงการ MILLIONAIRE FAST-LANE II เป็นโครงการที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย มีส่วนช่วยผลักดันให้พัฒนาศักยภาพของธุรกิจตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดนำไปสู่การส่งออกสินค้าสู่ตลาดโลกได้สำเร็จ ด้านการพัฒนาธุรกิจ SME ต้องเข้าใจรูปแบบของปัญหาและเน้นกระบวนการกระจายความสนับสนุนในแนวกว้าง โดยประเด็นของปัญหาที่เป็นอุปสรรคของ SMEs โดยหลัก ๆ จะมีในเรื่องของการเข้าถึงข้อมูล BIG DATA ที่ช่วยในการตัดสินใจ และ จัดการธุรกิจ การเข้าถึงแหล่งทุนทั้งในด้านขั้นตอน กระบวนการพิจารณา และหลักทรัพย์ตลอดจนการเข้าถึงแหล่งความรู้ และความเข้าใจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม รวมถึงเศรษฐกิจการค้าจากผลของ INTERNET OF THINGS (IOT)"

"สำหรับบริษัท SMEs ในไทย ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยปีละ 7-9% และจำนวนผู้ประกอบการธุรกิจในไทย แบ่งเป็น SMEs ประมาณ 2 ล้านราย และกลุ่มขับเคลื่อน GDP หรือธุรกิจรายใหญ่ ประมาณ 2,000 ราย นอกจากนี้ได้รองรับการจ้างงานประมาณ 70% การผลิตของ SMEs ส่วนใหญ่ขายในประเทศ 70% ส่งออก 30% ซึ่งปัจจุบันมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ด้านการส่งเสริม SMES HIGH GROWTH SECTOR เพื่อสร้างการเติบโตด้วยการสนับสนุนระหว่างภาครัฐและเอกชน อาทิ R&D, LOAN INNOVATION GRANTS, BUSINESS ANGEL FINANCE & VENTURE FINANCE และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPOs) รวมถึงการสนับสนุนการส่งออก เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยให้ความสำคัญต่อกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในแนวโน้มกระแสโลก (GLOBAL MEGA TREND SMEs)"

"ด้านนวัตกรรมสมัยใหม่สอดคล้องกับแนวคิดสีเขียว นวัตกรรมที่ดูแลสิ่งแวดล้อม (SMART IS THE NEW GREEN) นวัตกรรมสู่ความเป็นศูนย์ และส่งเสริมธุรกิจที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะ SMEs ที่พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงปัจจัยที่ส่งเสริมสุข"

ส่วน คุณทนง ทองด้วง นายกสมาคมนักพัฒนาผู้ประกอบการภาคใต้ SEDA กล่าวเสริมว่า "ทางสมาคมมีความต้องการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีความรู้ ความสามารถในการทำธุรกิจทุกด้าน เพิ่มศักยภาพให้เกิดเข้มแข็งทางธุรกิจด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ตลอดจนส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ พัฒนาศักยภาพกลุ่มธุรกิจไทย และสร้างโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนในกลุ่ม AEC และตลาดการค้าระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นการจัดอบรมหลักสูตร การสร้างโมเดลธุรกิจของตนเองโดยใช้แม่แบบ BUSINESS MODEL CANVAS-BMC การหาช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น"

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 081-330-3322 (คุณกุ้ง) และ 083-083-7023 (คุณปู)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง