ธนาคารไทยจะ เพิ่มเงินฝาก หรือ เพิ่มรายได้จากการขายกองทุน?

จันทร์ ๒๒ มกราคม ๒๐๑๘ ๑๗:๑๘
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics มองว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยอาจจะต้องเลือกระหว่างการเพิ่มเงินฝากเพื่อตอบสนองความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น หรือดึงดูดการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อเพิ่มรายได้ส่วนค่าธรรมเนียม ในยุคที่สภาพคล่องเริ่มตึงตัวมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

ในยุคที่ดอกเบี้ยตลาดอยู่ในระดับต่ำทำให้การฝากเงินในธนาคารไม่น่าดึงดูดอีกต่อไป นักลงทุนจึงมองหาสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากและยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในกองทุนรวม โดยพบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ -22% ถึง +18% ในขณะที่ผลตอบแทนของเงินฝากประจำอยู่ที่ 1.34%-2.73% เท่านั้น

กองทุนรวมจึงดูเป็นการลงทุนที่น่าสนใจกว่าการฝากเงินในธนาคารมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขนาดกองทุนรวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกว่าปีละ 17% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเวลาอันรวดเร็ว จาก 2 ล้านล้านบาทเป็น 4.6 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ หากพิจารณาด้านความเสี่ยง นักลงทุนอาจมองว่ากองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income funds) ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิคิดเป็นกว่า 50% ของกองทุนรวมทั้งหมด (2.7 ล้านล้านบาท) มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ โดยความเสี่ยงที่ผู้กู้จะไม่สามารถจ่ายเงินคืนแก่นักลงทุน (Credit risk) และความเสี่ยงที่นักลงทุนจะไม่สามารถขายหน่วยลงทุนคืนได้เมื่อต้องการในราคาที่เหมาะสม (Liquidity risk) นั้นมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เนื่องจากส่วนใหญ่ลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นพันธบัตรรัฐบาล อีกทั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวนมาก ทำให้การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ "ดูเหมือน" จะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาที่เกิดจากดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไป (Interest rate risk) อยู่ในระดับต่ำเช่นเดียวกัน

นักลงทุนจึงอาจมองว่ากองทุนรวมสามารถทดแทนการฝากเงินในธนาคารได้ และปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินบางส่วนที่นักลงทุนจะนำไปฝากธนาคาร ถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวมเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าแทน ซึ่งในช่วงที่สภาพคล่องยังล้นตลาดจากมาตรการซื้อสินทรัพย์ (คิวอี) ของธนาคารกลางหลัก อย่าง ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางญี่ปุ่น เช่นตอนนี้ การระดมเงินฝากโดยธนาคารพาณิชย์ควบคู่ไปกับการเติบโตของกองทุนรวมจึงไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับธนาคารพาณิชย์นัก

อย่างไรก็ดี ในอนาคต สภาพคล่องที่หายไปจากการที่ธนาคารกลางใหญ่หลายแห่งตัดสินใจลดคิวอี อาจทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องเลือกระหว่างการระดมเงินฝากเพื่อปล่อยกู้ในภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีและความต้องการสินเชื่อคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น กับการขายกองทุนรวมเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ธนาคาร ซึ่งรายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์อาจจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อที่จะอยู่รอดในยุคที่สภาพคล่องไม่ได้เฟ้ออีกต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๔๙ ไอแบงก์ ลงนาม MOU สินเชื่อสวัสดิการแก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำ สำนักงานศาลยุติธรรม กว่า 16,000 คน ทั่วประเทศ
๑๐:๕๔ รวม 4 วิธีที่ช่วยปรับให้รถที่ขับอยู่นุ่มนวลขึ้นเหมือนได้คันใหม่
๑๐:๔๘ ซีพีแรม เปิดตัว FTEC (Food Technology Exchange Center) ศูนย์ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีอาหาร
๑๐:๑๔ iQIYI (อ้ายฉีอี้) เดินหน้ารุกตลาดยกระดับวงการ จัดงาน iQIYI 2025 World Conference เปิดตัวพรีเมียมไลน์อัพกว่า 400
๑๐:๑๓ บล.เกียรตินาคินภัทร แนะ 5 หุ้นนอกคุณภาพ นำโดย Netflix และ Mastercard คว้าโอกาสท่ามกลางตลาดผันผวน
๑๐:๓๖ อบอุ่นมาก! จิม ทอมป์สัน x ซี-นุนิว เสิร์ฟความฟินขั้นสุดกับ Exclusive Lucky Fan Dinner ค่ำคืนสุดพิเศษที่เหล่า ซนซน
๑๐:๕๓ เวียตเจ็ทเสริมฝูงบิน เดินหน้ารุกตลาดญี่ปุ่น ขยายเส้นทางระหว่างประเทศ หนุนแผนเติบโตปี 2568
๑๐:๕๖ เบทาโกร ได้รับการยกระดับ CAC ในระดับสูงสุด ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์ และโปร่งใส
๐๙:๓๖ เฮ้าส์ สามย่าน จัดสองเทศกาลภาพยนตร์คุณภาพ กับ MOVIEMOV Italian Film Festival 2025 และ European Union Film Festival
๐๙:๑๑ จากไอดอลสู่หมอผี! ซอฮยอนฟาดหนัก เสิร์ฟความเดือด Holy Night: Demon Hunters คนต่อยผี 8 พ.ค.นี้