วันนี้ รถยนต์เกือบทุกคันที่ผลิตโดยHome of Rolls-Royce ในเมืองกู้ดวูด ประเทศอังกฤษ ล้วนเป็นรถยนต์สั่งผลิตพิเศษแทบทั้งสิ้น ทำให้ปี ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่โรลส์-รอยซ์สามารถยกระดับมาตรฐานของรถยนต์สั่งผลิตขึ้นสู่ระดับที่ยังไม่เคยมีผู้ใดทำได้มาก่อน และทำให้ปี ค.ศ. 2017 กลายเป็นหนึ่งในหลักชัยสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์กว่า 114 ปีแห่งรถยนต์สั่งผลิตของ โรลส์-รอยซ์ ต่อไปนี้คือตัวอย่างงานออกแบบและงานฝีมือของรถยนต์สั่งผลิตโดย โรลส์-รอยซ์ แบรนด์แห่งความหรูหราระดับโลกตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
"สเวพเทล (Sweptail)"
โรลส์-รอยซ์"สเวพเทล" คือการทำความปรารถนาของลูกค้ารถยนต์สั่งผลิตรายหนึ่งของแบรนด์ให้กลายเป็นความจริง โดยสเวพเทลเปิดตัวในปี ค.ศ. 2017 เพื่อมอบนิยามใหม่ของความหรูหราที่แท้จริงและนำเสนอมาตรฐานของรถยนต์สั่งผลิตที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของผู้ครอบครองได้อย่างเหนือระดับ ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการร่วมมือระหว่างผู้อุปถัมภ์แบรนด์และศิลปินระดับโลก ก่อให้เกิดงานออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งถ่ายทอดถึงมรดกแห่งความเป็นเลิศที่สืบทอดมาในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกอย่างชัดเจน และตอกย้ำถึงสถานะผู้นำด้านการสร้างสรรค์รถยนต์สั่งผลิตที่สื่อถึงตัวตนของผู้ครอบครองได้อย่างแท้จริง
สุดยอดยานยนต์ที่เปรียบดั่งแฟชั่นระดับสูงนี้ มีแรงบันดาลใจจากรูปทรงของรถยนต์โรลส์-รอยซ์ ในช่วงทศวรรษที่ 1920 – 1930 จุดเริ่มต้นจากความฝันของลูกค้าในการสร้างรถยนต์คูเป้แบบ 2 ที่นั่งที่โดดเด่นด้วยหลังคากระจกขนาดใหญ่รอบด้านแบบพานอรามิก ทำให้ผลงานยานยนต์ระดับมาสเตอร์พีซชิ้นนี้ได้ถือกำเนิดขึ้น
ภาพลักษณ์ที่ภูมิฐานและโดดเด่นสามารถมองเห็นได้จากรูปทรงตะแกรงหน้ารถที่ผลิตจากอลูมิเนียมแข็งส่วนด้านข้างตัวรถถูกออกแบบให้มีความสง่างาม โดยมีส่วนท้ายที่เรียวเล็กลงซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งกีฬาแล่นเรือยอชท์ที่หรูหรา และนี่คือการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่อันน่าหลงใหลของยานยนต์โรลส์-รอยซ์คูเป้แห่งยุคนี้ รูปทรงที่ลู่ลมด้านท้ายได้รับการตกแต่งด้วยตัวเลข08ที่ทำจากแท่งอลูมิเนียมและขัดเงาโดยช่างฝีมือเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร โดยเป็นหมายเลขทะเบียนของยานยนต์คันนี้ด้วย
"สเวพเทล" คือรถยนต์สั่งผลิตพิเศษที่โดดเด่นไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง
นิว แฟนธอม (New Phantom) และแนวคิด"The Gallery"-ห้องแสดงผลงานชั้นสูงเคลื่อนที่
นิว โรลส์-รอยซ์แฟนธอม เปิดตัวและได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วโลกในปี ค.ศ. 2017 จากการนำเสนอแนวคิด"The Gallery"อันเป็นเสมือนหัวใจแห่งสุนทรียศาสตร์ของยานยนต์รุ่นนี้ ซึ่งเกิดจากการตีความภาพลักษณ์ความร่วมสมัยและความหรูหราในส่วนแผงหน้าปัดและแผงควบคุมของรถยนต์ใหม่ทั้งหมด
ทุกองค์ประกอบของรถยนต์ถูกห่อหุ้มด้วยแผงกระจกที่ครอบคลุมพื้นที่แผงหน้าปัดทั้งหมดมอบโอกาสแก่นักออกแบบในการนำเสนอผลงานศิลปะภายในห้องโดยสารได้อย่างโดดเด่นแนวคิด The Gallery คือแนวคิดใหม่ที่ช่วยยกระดับวิสัยทัศน์ของรถยนต์สั่งผลิตที่ไร้คู่แข่งและความเชี่ยวชาญในการใช้วัสดุและทักษะงานศิลป์ของโรลส์-รอยซ์ให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
ดอว์น (Dawn) และ เรธ (Wraith) ณ ปอร์โต แชร์โว
รถยนต์ทั้งสองรุ่นนี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ โรลส์-รอยซ์ ซัมเมอร์ สตูดิโอ ในเมืองปอร์โตแชร์โว แคว้นซาร์ดิเนียของอิตาลีในปี ค.ศ. 2017 โดยทั้ง บีสโป๊ค ดอว์น ดรอพเฮด คูเป้(Bespoke Dawn Drophead Coupe) และ เรธ แบล็คแบดจ์(Wraith Black Badge) สามารถสื่อถึงเอกลักษณ์ของเกาะอันน่าหลงใหลแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน
ดอว์นนำรูปทรงที่สื่อถึงทะเลมาใช้แสดงอารมณ์ของการปล่อยชีวิตแบบสบาย ๆ ตามไลฟ์สไตล์ในแถบเมดิเตอร์เรเนียนสัญลักษณ์ของเมืองปอร์โตแชร์โวถูกนำมาใช้ตกแต่งอย่างงดงามด้วยแซฟไฟร์และหอยมุก โดยฝังไว้บริเวณด้านหน้าของตัวรถ โทนสีน้ำเงินเข้ม (Navy blue) และขาวอาร์ติก (Arctic white) ของตัวรถยังช่วยขับเน้นโทนสีของพื้นและห้องโดยสารที่ตกแต่งด้วยไม้สักให้แลดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น
ส่วน ปอร์โตแชร์โว เรธ ถูกออกแบบให้สื่อถึงบรรยากาศยามราตรีที่ครึกครื้นสนุกสนานของแคว้นซาร์ดิเนียด้านนอกของตัวรถโดดเด่นด้วยเฉดสีไดมอนด์แบล็ก (Diamond Black) แบบทูโทนที่เน้นความงดงามด้วยการเคลือบสีทั้งแบบผิวมันวาวและผิวด้านอย่างสอดรับกันแผงด้านในประตูรถหุ้มด้วยหนังถักสีดำขลับ ซึ่งช่วยขับเอกลักษณ์ที่ภูมิฐานและซับซ้อนของ เรธ แบล็คแบดจ์ ให้เด่นชัดภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
โกสต์ (Ghost) กับแนวคิด "Spirit of Calligraphy" – จิตวิญญาณแห่งศิลปะตัวอักษร
รถยนต์สั่งผลิตเพียงคันเดียวรุ่นนี้เผยโฉมครั้งแรกที่เมืองดูไบ ในปี ค.ศ. 2017 โดยการออกแบบรถยนต์ บีสโป๊ค สปิริต ออฟ "คัลลิโอกราฟี" โกสต์ (Bespoke 'Spirit of Calligraphy' Ghost) ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอักษรอาหรับ/อักษรอารบิกโบราณ โดยการนำอักษรมาสร้างสรรค์เป็นรูปทรงที่มีลักษณะพิเศษซึ่งเกิดจากการหลอมรวมตัวอักษรและจินตนาการให้เป็นหนึ่งเดียว โดยได้นำอักษรภาษาอารบิกซึ่งเป็นคำแปลคติพจน์ของ เซอร์เฮนรี่ รอยซ์ ที่ว่า "จงดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้นถ้าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จงสร้างมันขึ้นมา" ถูกนำมาออกแบบเป็นรูปสัญลักษณ์สปิริตออฟเอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) ซึ่งเป็นมาสคอตของโรลส์-รอยซ์ผลงานลวดลายจากศิลปะตัวอักษรของศิลปินชื่อดัง กาเล็ด อัล ซาอินี้ถูกนำเสนอในรูปแบบการฝังเงินเป็นลวดลายบนบริเวณแผงควบคุมกลางและการปักลายบนเบาะหลังกลางซึ่งเป็นจุดรวมสายตาที่ชัดเจน ท่ามกลางการตกแต่งด้วยหนังโทนสีเทอร์ควอยซ์ดำ และขาว ของห้องโดยสาร
"เอเลแกนซ์ (Elegance)"
ยานยนต์ โกสต์ เอเลแกนซ์ (Ghost Elegance) ถูกสั่งผลิตสำหรับนักสะสมรถยนต์ระดับสูงผู้หนึ่ง ถือเป็นอีกหนึ่งยานยนต์ที่ยกระดับมาตรฐานยานยนต์สั่งผลิต เนื่องจากเป็นรถยนต์โรลส์-รอยซ์คันแรกที่มีการทำสีที่ใช้เพชรเป็นส่วนประกอบ มอบความโดดเด่นบริเวณด้านข้างของตัวรถด้วยเส้นตัดขอบตัวถังคู่ในโทนสีแดงมูเจลโล(Mugello Red) และดำ สอดรับกับเบาะหนังสีดำภายในห้องโดยสารที่เน้นรูปทรงด้วยเฉดสีแดงมูเจลโล ทั้งบนรอบเย็บที่แผ่นบุประตูด้านในและเส้นขอบของเบาะนั่ง บริเวณแผงหน้าปัดกรุด้วยวีเนียร์สีทูดอร์โอ๊ก (Tudor Oak) แบบไม่ขัดมัน ตกแต่งด้วยการเย็บแบบด้ายเดี่ยวสีแดงมูเจลโลตามขอบบนของแผงหน้าปัด และประดับด้วยนาฬิกาสั่งทำพิเศษโดยเฉพาะ
"ดอว์น อิน ฟุกเซีย (Dawn in Fuxia)"
ในปี ค.ศ. 2017 นักสะสมรถยนต์ชาวอเมริกัน ไมเคิล ฟุกซ์ ได้รับมอบยานยนต์สั่งผลิตคันที่ 10 ของเขาจาก โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์ส โดยหลังจากที่ไมเคิลเดินทางไปท่องเที่ยวที่เพ็บเบิลบีชในปี ค.ศ. 2016 เขาได้รวบรวมกลีบดอกฟูเชียที่สวยงามไว้เป็นจำนวนมากและได้ท้าทายให้ทีมงานออกแบบรถยนต์สั่งผลิตที่กู้ดวูด สร้างสรรค์เฉดสีใหม่ที่สวยสะดุดตาให้แก่รถยนต์รุ่นดอว์น หลังจากนั้น ภายในงานชุมนุมยานยนต์เดอะ เคล ในแคลิฟอร์เนีย เฉดสี "ดอว์น อิน ฟุกเซีย" ที่สวยสดใสจึงเผยโฉมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชันสีของรถยนต์ โรลส์-รอยซ์ และสงวนสำหรับ มร.ฟุกซ์ ผู้เดียวเท่านั้น ซึ่งรถยนต์เฉดสีล่าสุดนี้นับเป็นรถยนต์รุ่นดอว์นคันที่ 2 หลังจากที่ไมเคิลเคยครอบครองคันแรกที่ผลิตในเฉดสี "Fux Blue" เพียงคันเดียวในปี ค.ศ. 2016ห้องโดยสารของ ดอว์น อิน ฟุกเซีย จึงถูกตกแต่งด้วยหนังโทนสีขาวอาร์ติก (Arctic White) ที่สว่างสดใส เพื่อรำลึกถึงรถยนต์ดอว์นคันแรกของเขา
"ดอว์น บี50 (Dawn B50)" สำหรับโรงแรมบิบลอส
ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี โรงแรมบิบลอสในแซงต์-โตรเปซ์ เมื่อปี ค.ศ. 2017โรลส์-รอยซ์มอเตอร์คาร์สได้เปิดตัว ดอว์นบี50สุดยอดรถยนต์สั่งผลิตพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากความอบอุ่นและสีสันของชายฝั่งทะเลโกตดาซูร์ โรงแรมบิบลอสมีคำสั่งผลิตยานยนต์ ดอว์นบี50 ให้เป็นเสมือน "อัญมณีแห่งแซงต์-โตรเปซ์" ในด้านยานยนต์ โดยเฉดสีด้านนอกตัวรถใช้ 2 โทนสีหลัก ซึ่งรูปแบบการผสมโทนสีที่สดใสนี้คิดค้นขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครอบรอบครั้งสำคัญของโรงแรมแห่งนี้โดยเฉพาะ รวมถึงแผ่นธรณีประตูรถและแนวเส้นตกแต่งตัวถังด้านข้างที่เพ้นท์ด้วยมือซึ่งสอดรับกับโลโก้ B50 อย่างสวยงาม ส่วนธีมการตกแต่งห้องโดยสารภายในได้แรงบันดาลใจจากดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงแห่งเมดิเตอร์เรเนียน มอบความสดใสด้วยโทนส้มอมแดง(Tangerine)ที่ช่วยขับเน้นแผงหน้าปัดและเสริมความโดดเด่นของรอยเย็บบนเบาะหนังและแผ่นรองพื้นของห้องโดยสาร
ยานยนต์เพื่อการระลึกถึงซิลเวอร์ ดอว์น (Silver Dawn) รุ่นพิเศษ
หนึ่งในยานยนต์รุ่นสำคัญที่จัดแสดงอยู่ ณ Home of Rolls-Royce คือ ซิลเวอร์ ดอว์น ดรอพเฮด คูเป้ (Silver Dawn Drophead Coupe) รุ่นปี 1952 ที่หาชมได้ยากยิ่งเนื่องจากผลิตขึ้นเพียงไม่กี่คันสำหรับลูกค้าในแคนาดาในเวลานั้น และในปี ค.ศ. 2017 คำสั่งผลิตยานยนต์ดอว์นคันใหม่จากประเทศเดียวกัน ก่อให้เกิดการรำลึกถึงรถยนต์รุ่นพิเศษนี้อีกครั้ง ซึ่งตรงกับช่วงเวลาครบรอบปีที่ 65 ของรถยนต์คันนี้ด้วย
ด้านนอกของดอว์นรุ่นใหม่โดดเด่นสะดุดตาด้วยเฉดสีแบบทูโทนของมิดไนท์แซฟไฟร์ (Midnight Sapphire) และจูบิลีซิลเวอร์ (Jubilee Silver) เพื่อให้สวยงามทัดเทียมกับรุ่นต้นแบบในปี ค.ศ. 1952 พร้อมด้วยเส้นตกแต่งข้างตัวถังที่ลงสีในรูปแบบเฉพาะซึ่งถือเป็นการแหวกกฎครั้งแรกของโรลส์-รอยซ์ ส่วนภายในห้องโดยสาร สวยงามด้วยการตกแต่งหนังสีเทา (Selby Grey) และน้ำเงินเข้ม (Navy) ซึ่งสลับกับการกรุวีเนียร์สีวอลนัตเบอร์(Walnut Burr) อย่างกลมกลืนและดูสอดคล้องกับรถยนต์รุ่นต้นฉบับ พร้อมทั้งประดับด้วยนาฬิกาสั่งทำเฉพาะที่ประทับตัวหนังสือ "1952" และฝังลายSpirit of Ecstasy ลงในวีเนียร์
แรงบันดาลใจจากเกาหลีใต้
ยานยนต์ในชุด "บีสโป๊ค คอลเลกชัน ฟอร์ โคเรีย (Bespoke Collection for Korea)" เปิดตัวที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษในกรุงโซล ซึ่งนำเสนอสุนทรียภาพอันเป็นมรดกตกทอดของเกาหลีใต้เข้ากับภาพลักษณ์ที่สวยงามในแบบร่วมสมัยได้อย่างลงตัว โดยรถยนต์รุ่น โกสต์ โซล อิดิชั่น (Ghost Seoul Edition) สะท้อนถึงสีสันอันงดงามของธงชาติเกาหลีใต้ ทำให้ตัวรถโดดเด่นด้วยสีขาวอันดาลูเชียน (Andalusian White) ผสานกับสีน้ำเงินโคบัลโต (Cobalto Blue) และแดงมูเจลโล (Mugello Red) ร่วมกับภาพลักษณ์ใหม่ที่ออกแบบโดยเฉพาะเพื่อสื่อถึงหอคอยนัมซัน โซล ทาวเวอร์ อันโดดเด่นของเมือง สำหรับห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังสีดำให้ตัดกับสายคาดสีขาวอาร์ติก (Arctic White) อย่างงดงามพร้อมเสริมความโดดเด่นด้วยรอยตะเข็บและเส้นขอบสีน้ำเงินและแดงอย่างหรูหรา
ส่วนรุ่น "เรธ พูซาน อิดิชั่น (Wraith Busan Edition)" มีแรงบันดาลใจจากสีสันของเมืองริมทะเลแห่งนี้ ตัวรถด้านนอกทำสีในแบบทูโทนด้วยสีน้ำเงินรอยัลบลู (Royal Blue) และจูบิลีซิลเวอร์ (Jubilee Silver) ที่ชวนให้นึกถึงประกายระยิบระยับของท้องทะเลโดยรอบ ส่วนประดับโครงเสาท้ายรถสะท้อนถึงงานตาข่ายไม้อันละเอียดอ่อนของประตูแบบ "ฮานอก" โบราณของเกาหลี และได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการตกแต่งห้องโดยสารไปจนถึงส่วนแผงหน้าปัด และเพื่อการนำเสนอโทนสีที่อ่อนละมุนของท้องฟ้าเหนือเทือกเขา จึงตัดขอบตัวถังรถช่วงบนด้วยแนวเส้นสีชมพู (Blushing Pink) และยังนำสีชมพูนี้ไปใช้กับรอยเย็บ แผงอุปกรณ์ และสัญลักษณ์อักษรย่อ RR บนที่พิงศีรษะของเบาะนั่งซึ่งบุด้วยหนังสีเทา (Selby Grey) และน้ำเงินโคบัลโต (Cobalto Blue)