ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน)กล่าวว่าภารกิจสำคัญของสถาบันวัคซีนแห่งชาติเพื่อมอบเป็นของขวัญรับศักราชปี2561 สำหรับประชาชนก็คือการเดินหน้า 4 ยุทธศาสตร์ตามแผนปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ 2561ที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุขและโมเดลประเทศไทย 4.0 เพื่อให้การดำเนินงานด้านวัคซีนของประเทศมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติ บรรลุเป้าหมาย ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน อันจะนำพาประเทศไปสู่"ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน"
ยุทธศาสตร์ที่1 การส่งเสริมการจัดการวัคซีนให้มีความเพียงพอและต่อเนื่อง เน้นความร่วมมือเพื่อความมั่นคงด้านวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน พร้อมจัดตั้งหน่วยข้อมูลและบริหารจัดการวัคซีนเพื่อเป็นฐานข้อมูลที่ผู้บริหารและ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาและบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งศึกษาและจัดทำข้อเสนอนโยบายด้านวัคซีนเพื่อการพึ่งพาตนเองและเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาการระบาดของโรคอย่างยั่งยืน อาทิ โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายให้ประชาชนสามารถมี Health Card (บัตรประกันสุขภาพ)สำหรับการใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคและเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชน
ยุทธศาสตร์ที่2 การสนับสนุน วิจัย พัฒนาวัคซีนเพื่อต่อยอดสู่การผลิต มุ่งเน้นสนับสนุนการวิจัย พัฒนาวัคซีน ที่เป็นเป้าหมายของประเทศ และบริหารจัดการงานสนับสนุนทุนพัฒนาวัคซีนเป้าหมายของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บุคลากรด้านวัคซีนได้รับการพัฒนาศักยภาพและมีสมรรถนะเพียงพอที่จะพัฒนางานวัคซีนของประเทศไทยให้ได้ผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด และมีผลิตภัณฑ์วัคซีนที่ได้มาตรฐานสากล บุคลากรด้านวัคซีนมีศักยภาพในการวิจัยพัฒนาวัคซีน ประเทศมีกระบวนการผลิตวัคซีนและการประกันคุณภาพวัคซีน มีผลงานวิจัยวัคซีนเป้าหมายที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์วัคซีนได้ในอนาคต เพิ่มโอกาสในการเป็นศูนย์กลาง(Hub)ด้านการวิจัยพัฒนาวัคซีนในระดับภูมิภาค
ยุทธศาสตร์ที่3 การสนับสนุนอุตสาหกรรมวัคซีนภายในประเทศ เน้นส่งเสริมความเข้มแข็งของธุรกิจวัคซีนภายในประเทศให้มีความมั่นคง ยั่งยืนเพื่อให้ประเทศมีผลิตภัณฑ์วัคซีนตามเป้าหมายของชาติ และมีเครือข่ายการวิจัยพัฒนาเชื่อมโยงระหว่างสถาบันการศึกษาสู่อุตสาหกรรมวัคซีนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และยุทธศาสตร์ที่4 การสนับสนุนการบริหารทรัพยากรด้านวัคซีนของประเทศ มุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและดำเนินงานภายใต้เครือข่ายด้านวัคซีน พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการให้บริการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรด้านวัคซีนอย่างครบวงจร สนับสนุนการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาวัคซีนของประเทศ พัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านวัคซีนตามความจำเป็นของประเทศ สนับสนุนเครือข่ายการประกันคุณภาพวัคซีนของประเทศ นำร่องการใช้ระบบจัดเตรียมเอกสารทะเบียนตำรับยาชีววัตถุแผนปัจจุบันแบบอิเล็กทรอนิกส์(NVIFDA) ทำให้ประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม รวมทั้งห้องปฏิบัติการสัตว์ทดลองที่ได้มาตรฐานสากลเพื่อรองรับการพัฒนาวัคซีนของประเทศ การสร้างการแข่งขันและการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ จากการให้บริการผลิตวัคซีนต้นแบบและชีววัตถุในโรงงานต้นแบบกึ่งอุตสาหกรรม
ที่สำคัญคือมีการพัฒนางานด้านคุณภาพของวัคซีนตามสภาพปัญหาและความจำเป็นของประเทศโดยใช้รูปแบบเครือข่าย บุคลากรระดับปฏิบัติการงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศได้รับการพัฒนาศักยภาพ สามารถบริหารจัดการวัคซีนและระบบข้อมูลการให้บริการเป็นไปตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อัตราความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนของประเทศในภาพรวมอยู่ในระดับที่สูง (90-95%) สามารถกำจัด กวาดล้างและควบคุมโรคติดต่อที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ
ทั้งหมดนี้คือบริบทของการดำเนินภารกิจงานด้านวัคซีนในปี 2561 โดยสถาบันฯยังคงทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางด้านวัคซีน ในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศให้มีความมั่นคงและพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน สามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคอย่างเหมาะสม ทั่วถึงและเป็นธรรม สามารถป้องกันการป่วย การตาย และความพิการจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉินในระยะยาว สามารถพัฒนาประเทศก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง/เป็นผู้นำด้านวัคซีนของภูมิภาคอาเซียน ดังเช่นคำขวัญของสถาบันฯที่ว่า "สานฝัน รวมใจ ร่วมพัฒนาวัคซีนไทย" ดร.นพ.จรุง กล่าวทิ้งท้าย