ภายใต้นโยบายใหม่นี้ นักท่องเที่ยวทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยวจาก 59 ประเทศ ซึ่งรวมถึงรัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา สามารถเดินทางเข้าเกาะไหหลำได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า และพำนักได้นานสูงสุด 30 วัน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องซื้อทัวร์จากบริษัทนำเที่ยวเท่านั้น
มณฑลไหหลำได้งดเว้นวีซ่าเป็นเวลา 15 วัน ให้แก่นักท่องเที่ยวแบบกลุ่มจาก 21 ประเทศ มาตั้งแต่ปี 2543 และได้เพิ่มอีก 5 ประเทศในปี 2553
ฉวี่ หยุนไห่ รองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า "การขยายนโยบายดังกล่าวให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวแบบเดี่ยว และให้สิทธิในการพำนักมากถึง 30 วัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น หล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาเป็นกลุ่ม"
การงดเว้นวีซ่าสำหรับเข้าสู่มณฑลไหหลำ เป็นส่วนหนึ่งของความความพยายามในการผลักดันมณฑลไหหลำให้เป็น "ท่าเรือการค้าเสรีตามแบบฉบับของจีน" ตามแนวทางการสนับสนุนให้มณฑลไหหลำปฏิรูปในเชิงลึกและเปิดกว้าง ซึ่งรัฐบาลกลางจีนเปิดเผยไปเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไหหลำได้กลายเป็นเกาะเขตร้อนยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทะลุ 1.1 ล้านคนในปี 2560 เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในปี 2560 มณฑลไหหลำได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเกือบ 320,000 คน จาก 26 ประเทศที่ได้รับการงดเว้นวีซ่า มากกว่าปี 2559 ถึง 3.5 เท่า โดยนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซีย คาซัคสถาน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของทั้งหมด
ซุน หยิง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวมณฑลไหหลำ กล่าวว่า "นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นความคึกคักให้กับเกาะไหหลำ และพาเราเข้าใกล้เป้าหมายในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก"
ไม่ เว่ยเหวิน เลขาธิการสมาคมบริษัทนำเที่ยวเมืองไหโข่ว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลไหหลำ เปิดเผยว่า ทางสมาคมจะฝึกอบรมด้านภาษาและวัฒนธรรมให้แก่พนักงานของบริษัทนำเที่ยวรวมกว่า 200 แห่ง
นอกจากนี้จะมีการเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างมณฑลไหหลำกับประเทศที่ได้รับการงดเว้นวีซ่า ปัจจุบัน มณฑลไหหลำมีเที่ยวบินระหว่างประเทศรวม 57 เที่ยวบินไปยังประเทศต่างๆ เช่น เยอรมนี มาเลเซีย และไทย โดยมีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่อย่างน้อย 16 เส้นทางในปีนี้ และตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศให้มีอย่างต่ำ 100 เส้นทางภายในปี 2563
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวมณฑลไหหลำ
AsiaNet 73174