ภาคการท่องเที่ยวไทยครึ่งปีแรกเติบโตต่อเนื่อง แม็กเน็ตท่องเที่ยวใหม่ๆ แข็งแกร่ง เปิดไอคอนสยามปลายปี หนุนท่องเที่ยวโตทะลุเป้า

ศุกร์ ๑๓ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๒:๒๒
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นฟันเฟืองหลักที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศไทย ได้สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นมูลค่ารวมถึง 2.75 ล้านล้านบาทในปี 2560 ซึ่งคิดเป็น 20% ของ GDF ประเทศไทย และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 35 ล้านคน โดยได้มีการตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเป็น 37 ล้านคนในปี 2561 และตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวขึ้นเป็น 3 ล้านล้านบาท

นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อัพเดทสถานการณ์ภาคการท่องเที่ยวไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2561 ว่า "ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในปี 2561 นี้มีบรรยากาศที่ดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วมากกว่า 16 ล้านคน และมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า 48 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ให้ประเทศแล้วมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญมาจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ รวมทั้งการพัฒนายกระดับมาตรฐานคุณภาพของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับสถานการณ์โดยรวมดูดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทำให้เชื่อว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีหลังสามารถเติบโตได้อีกมาก"

ปัจจัยบวกของภาคการท่องเที่ยวที่เห็นได้ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือแม็กเน็ตทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ โปรเจ็คยักษ์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างไอคอนสยาม ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปีนี้ จะเป็นจิ๊กซอร์สำคัญอีกตัวหนึ่ง ที่มาช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย และดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี

จุดแข็งของการท่องเที่ยวของประเทศไทยคือความหลายหลาย ซึ่งวันนี้ เรามีทั้งความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีให้เลือกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำตก แม่น้ำ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตความเป็นไทย ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวแบบสมัยใหม่ ที่เกิดใหม่ในรูปแบบต่างๆ มากมาย ตรงนี้ถือเป็นจุดแข็งที่น่าสนับสนุนให้เกิดขึ้น เพราะคือสิ่งที่ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน ช่วยเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวและยังเป็นการช่วยลดความบอบช้ำของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้อีกแรงหนึ่งด้วย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความหลากหลายในเรื่องของอาหารการกินซึ่งเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก รวมทั้งความหลากหลายในเรื่องของการเดินทางที่วันนี้ถือว่ามีความสะดวกสบายมากขึ้น

โดยกรุงเทพมหานครคว้าแชมป์อันดับหนึ่ง เมืองที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุดในโลก จากการสำรวจเมืองที่เป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกโดยมาสเตอร์การ์ด เอาชนะมหานคร ชื่อดังของโลกอย่างลอนดอน ปารีส ดูไบ สิงคโปร์ นิวยอร์ก และโตเกียว ได้ถึง 2 ปีซ้อน คือปี 2559 และ 2560 โดยพื้นที่ที่เป็นหัวใจ และถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพมหานครในเชิงของการท่องเที่ยวที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากคือพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว เนื่องจากความสวยงามของทัศนียภาพและความหลากหลาย ที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, มิวเซียมสยาม และอีกมากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบสมัยใหม่ ที่เกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เปิดมาแล้วก่อนหน้านี้แล้ว เช่น เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, ท่ามหาราช, ยอดพิมาน ริเวอร์ วอล์ค และโครงการยักษ์ที่จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางชื่อดังระดับโลก ที่กำลังจะเปิดในช่วงปลายปีนี้ อย่างไอคอนสยาม

ณ ตอนนี้ ภาคการท่องเที่ยวกำลังจับตามองการมาของไอคอนสยาม เพราะเชื่อว่าไอคอนสยามจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เข้ามาช่วยเติมเต็มการท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะช่วยเติมเต็มภูมิทัศน์ที่สวยงามของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืน

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกล่าวปิดท้ายว่า "สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ถือเป็นปัจจัยบวกของภาคการท่องเที่ยวประเทศไทยคือ การพัฒนาในเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และความหลากหลาย ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ตลอดจนเรื่องอาหารการกินซึ่งเป็นสิ่งดึงดูดใจที่สำคัญและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ช่วยกันเพิ่มเติมและเติมเต็มเส่นห์ให้กับการท่องเที่ยวประเทศไทย ทั้งหมดนี้ จึงเป็นปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน และทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าหากสถานการณ์ต่างๆ ยังเป็นไปในทิศทางที่ดีเหมือนในปัจจุบัน เราคาดว่าน่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2561 ได้เป็นจำนวนรวมถึง 39 ล้านคน จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 37 ล้านคน"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๕๙ อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud