มิชลินตอกย้ำความเป็นผู้นำของโลกด้านกลุ่มธุรกิจยางเฉพาะด้านด้วยการเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ (Camso)

จันทร์ ๒๓ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๔:๓๑
มิชลินและแคมโซ่ผนึกกำลังเพื่อก้าวเป็นผู้นำโซลูชั่นสำหรับการสัญจรนอกทางหลวง กลุ่มธุรกิจที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่นี้ถือเป็นผลลัพธ์ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ที่เข้มแข็งสำหรับกลุ่มตลาดนอกทางหลวง และจะมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา มิชลินและแคมโซ่ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน โดยที่มิชลินจะเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อยู่ที่เมืองมาก๊อก รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา หลังจากที่ได้มีการทำข้อตกลงดังกล่าว กิจการทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัญจรนอกทางหลวง (Off-the-road: OTR) ของทั้งสองบริษัทจะผสานเข้าด้วยกันเพื่อแยกเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่และมีศูนย์กลางการบริหารอยู่ที่รัฐควิเบก ด้วยค่านิยมองค์กรที่โดดเด่น วัฒนธรรมด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง และทีมงานที่มีศักยภาพสูงที่ทั้ง 2 บริษัทมีคล้ายคลึงกัน ความเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างให้กลุ่มธุรกิจที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่นี้กลายเป็นผู้นำด้านการสัญจรนอกทางหลวงของโลก

แคมโซ่มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 40,000 ล้านบาท) เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจออกแบบ ผลิต และจำหน่ายโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับการสัญจรนอกทางหลวงมาตั้งแต่ปี 1982 แคมโซ่เป็นผู้นำของตลาดแทร็ค (หรือที่เรียกทั่วไปว่า "ตีนตะขาบ") ที่ผลิตจากยางสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตรและรถที่ใช้วิ่งบนหิมะ (snowmobile) ยางตันและยางผ้าใบสำหรับเครื่องจักรขนย้ายวัสดุ นอกจากนี้ แคมโซ่ยังเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่เป็นผู้นำตลาดการก่อสร้าง โซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับแทร็คและยางสำหรับเครื่องจักรกลหนักขนาดเล็ก นอกจากนี้ การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแทร็คและระบบที่เกี่ยวข้อง การมีโรงงานการผลิตที่มีความสามารถในการแข่งขันสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศรีลังกา รวมถึง ชื่อเสียงของแบรนด์แคมโซ่และแบรนด์โซลิดีลที่มีลูกค้ารู้จักและจดจำในวงกว้าง ทำให้แคมโซ่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 7% ต่อปีตั้งแต่ปี 2012

การผนึกกำลังกับแคมโซ่จะช่วยให้มิชลินก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกในกลุ่มตลาดยางนอกทางหลวง ยิ่งไปกว่านั้น การมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ควิเบก จะช่วยให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของฝ่ายบริหารของแคมโซ่และการดำเนินธุรกิจของมิชลินที่มีมาช้านานในแคนาดา ทั้งที่เมืองลาวาล รัฐควิเบก และรัฐโนวาสโกเชีย ในฐานะผู้นำของโลก กลุ่มธุรกิจใหม่นี้จะมียอดขายมากกว่า 2 เท่าของยอดขายของแคมโซ่ในปัจจุบัน ถือเป็นข้อได้เปรียบจากการมีโรงงานการผลิตกว่า 26 แห่งและพนักงานกว่า 12,000 คน ทั้งนี้ ยังได้รับประโยชน์จากตลาดที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

จากการวางตำแหน่งสินค้าและบริการของทั้ง 2 บริษัทที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลดีดังต่อไปนี้

- ในเชิงการตลาดและการขาย

- ในกลุ่มตลาดยางเพื่อการเกษตร เราจะเป็นผู้ประกอบการเพียงรายเดียวที่สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทั้งยางเรเดียลแบบพรีเมี่ยมและแทร็คสำหรับเครื่องจักรกลการเกษตร

- ในตลาดการก่อสร้าง แคมโซ่จะช่วยเสริมมิชลินโดยการนำเสนอยางไบแอสและแทร็ค

ในตลาดสำหรับเครื่องจักรขนย้ายวัสดุ มิชลินจะช่วยหนุนให้แบรนด์ที่มีชื่อเสียงอย่างแคมโซ่และโซลิดีลสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของตลาดยางไร้อากาศ

เครือข่ายการกระจายสินค้าของทั้งมิชลินและแคมโซ่ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันจะช่วยเร่งให้กลุ่มธุรกิจใหม่นี้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว

- ในเชิงเทคโนโลยี

การทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยของแคมโซ่และมิชลินจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถเชิงนวัตกรรมของกลุ่มที่เกี่ยวกับแทร็คและยางไร้อากาศ การผสานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาจะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำของมิชลินในฐานะผู้นำทางเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการสัญจรอย่างยั่งยืน โดยในปัจจุบัน การนำเสนอยางที่โดดเด่นเรื่องสมรรถนะและสามารถใช้งานได้ยาวนานถือเป็นสิ่งที่ทำมิชลินก้าวล้ำคู่แข่ง อีกทั้งยังเป็นตัวแปรสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมิชลิน เช่น การลดการบดอัดดินและการเพิ่มแรงฉุดลากจะช่วยส่งเสริมให้สินค้าที่แคมโซ่พัฒนาขึ้นมามีสมรรถนะที่ดีมากกว่าเดิม

- ในเชิงการผลิต

แคมโซ่มีฐานการผลิตที่เข้มแข็งในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศศรีลังกาและเวียดนาม

ฌ็อง-โดมินิก เซนาร์ด ประธานบริหารกลุ่มมิชลินกล่าวว่า "มิชลินและแคมโซ่มีค่านิยมหลายอย่างคล้ายกัน การควบรวมกิจการครั้งนี้นับเป็นโอกาศที่ดีเยี่ยมสำหรับทั้งสองฝ่าย มิชลินจะได้รับประโยชน์จากทักษะของแคมโซ่ในกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานนอกทางหลวง และแคมโซ่จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของมิชลินในตลาดกลุ่มยางที่มีคุณสมบัติพิเศษ (specialty)"

"การได้ทำงานร่วมกับทีมงานยางนอกทางหลวงของมิชลินถือเป็นโอกาสที่ดีเลิศสำหรับแคมโซ่ เพราะเรามีความคล้ายคลึงกันทั้งในด้านวัฒนธรรมองค์กรและศักยภาพในการเติบโต" ปีแยร์ มาร์กูเย ประธานบริหารของแคมโซ่กล่าว "แคมโซ่จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัท คือการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มตลาดนอกทางหลวง ทีมงานที่เข้มแข็ง ความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและการผลิต รวมถึงหลักแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญจะช่วยเติมเต็มศักยภาพของมิชลิน การควบรวมกิจการครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นของแคมโซ่ทุกคนเป็นอย่างดี"

จากการศึกษาและพูดคุยร่วมกับแคมโซ่ มิชลินค้นพบช่องทางในการเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายที่ลดลงหลังการควบรวมธุรกิจน่าจะสูงถึง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2021 โดยหลังจากการอนุมัติ มิชลินจะเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ในราคา 1,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตีเป็นมูลค่าบริษัท 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 8.3 เท่าของ EBITDA* หลังการควบรวมกิจการ การดำเนินธุรกรรมครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการเงินของกลุ่มบริษัทมิชลินแต่อย่างใด

- ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการควบรวมกิจการครั้งหนึ่ง มิชลินมีพันธสัญญาดังต่อไปนี้

- ศูนย์กลางการตัดสินใจของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์นอกทางหลวงจะตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในมาก๊อก ฝ่ายบริหารรวมทั้งผู้บริหารระดับสูงจะปฏิบัติงานประจำอยู่ที่สำนักงานมาก๊อก

- จำนวนพนักงานที่สำนักงานใหญ่ของแคมโซ่ (พนักงาน 300 คนซึ่ง 100 คน ทำงานในฝ่ายวิจัยและพัฒนา) ยังคงเท่าเดิม งานด้านการวิจัยและพัฒนาและการผลิตในควิเบกยังคงดำเนินไปตามปกติ

ความเชี่ยวชาญที่จำเป็นสำหรับการดูแลธุรกิจดังกล่าวที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วโลก ผนวกกับยอดขายสุทธิที่คาดการณ์ไว้ของของธุรกิจใหม่นี้ จะนำไปสู่การสร้างงานใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูงในเมืองมาก๊อก รัฐควิเบกในอีก 2-3 ปี ข้างหน้านี้

การเข้าซื้อกิจการของแคมโซ่ครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำว่า มิชลินกำลังดำเนินการตามกลยุทธ์การเติบโตที่วางไว้สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางและบริการที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังขยายการเติบโตสู่วัสดุที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและการกระจายสินค้า นอกจากนี้ หลังจากการวิเคราะห์ในเชิงลึก มิชลินยังระบุว่าผลกำไรที่เกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของเฟนเนอร์จะเพิ่มสูงมากขึ้นถึง 60 ล้านปอนด์อังกฤษจากที่ประกาศว่าเพิ่มขึ้น 30 ล้านปอนด์อังกฤษก่อนหน้านี้

ตามข้อบังคับของสหภาพยุโรปหมายเลข 596/2014 เราขอแจ้งให้คุณทราบว่าข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อมูลภายใน

EBITDA* = กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อมราคา คำนวณจากวันที่ 1 เมษายน 2018 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2019

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง