กรุงไทยชี้จับตาหยวนอ่อน หวั่นกระทบความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย

พุธ ๒๕ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๖:๒๑
กรุงไทยจับตาหยวนอ่อน หวั่นกระทบความสามารถการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย และการชำระหนี้ของบริษัทจีน คาดสงครามการค้าโลกกระทบส่งออกไทยในครึ่งหลังปีนี้

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยภายหลังสหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีสินค้ากลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า แผงโซลาร์ เครื่องซักผ้า ในระลอกแรก สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นของจีนในระลอกที่สองเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ส่งผลให้จีนประกาศตอบโต้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบด้านการส่งออก ซึ่งคาดว่าการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยที่ส่งออกชิ้นส่วนไปให้จีนจะลดลง เนื่องจากมาตรการด้านภาษีของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2561 ที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนไปจีน เติบโต 10% ซึ่งยังไม่สะท้อนสงครามทางการค้าดังกล่าว นอกจากนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สั่งการให้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีกระลอก โดยมีมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีจำนวนสินค้ากว่า6,000 รายการ ซึ่งจะทราบรายชื่อสินค้าประมาณเดือนสิงหาคม ภายหลังการทำประชาพิจารณ์

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ กล่าวว่า สงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ได้ประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกในช่วง 1-2ปีข้างหน้า จะลดลง 0.5% และคาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจัยในประเทศของกลุ่มประเทศเหล่านี้ ทั้งการลงทุน การบริโภค และนโยบายภาครัฐ ช่วยการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก

ปัจจัยที่น่าจับตามอง คือ ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แตะที่ระดับประมาณ 6.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.5หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินหยวนก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ซึ่งทางการจีนอาจใช้การอ่อนค่าเงินหยวนเป็นมาตรการช่วยลดผลกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เพื่อทำให้กำไรจากการค้าในรูปเงินสกุลท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เพื่อเอื้อให้บริษัทจีนมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น แต่จะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยได้

"เริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนตัวของค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง และเป็นการอ่อนค่ามากกว่าค่าเงินบาท ซึ่งอาจจะกระทบต่อการแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีน และต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขมูลค่านำเข้าสินค้าของไทยจากจีนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เช่น สินค้าวัตถุดิบอย่างเหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เหล็กที่จีนอาจพยายามหาตลาดอื่นทดแทนสหรัฐฯ"

นอกจากนี้ ตลาดการเงินโลกค่อนข้างอ่อนไหวกับการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน เนื่องจากภาคธุรกิจของจีนมีภาระหนี้ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ค่อนข้างมาก เมื่อค่าเงินหยวนอ่อนค่ามากกว่า 6.8 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจส่งผลให้นักลงทุนมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เพราะหวั่นความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจีนในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน