ผลสำเร็จธนาคารโคนมทดแทนฝูง เกษตรกรเข้าร่วมกว่า 500 ราย ช่วยลดภาระ ลดต้นทุนและเพิ่มรายได้

พฤหัส ๑๑ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๐๙:๒๔
โครงการธนาคารสินค้าเกษตรเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ซึ่งธนาคารโคนมทดแทนฝูง เป็นหนึ่งในโครงการธนาคารสินค้าเกษตร มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฝากลูกโคเพศเมีย ถอนคืนเป็นโคสาวท้อง เพื่อให้เกษตรกรสมาชิกลดภาระการเลี้ยงลูกโคในฟาร์ม ให้เกษตรกรสมาชิกมีแม่โคที่มีคุณภาพไปทดแทนโคนมปลดระวางและลดต้นทุนการผลิต ส่งผลสมาชิกสหกรณ์มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา มีกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลัก และมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ติดตามประเมินผลโครงการ

นางสาวจริยา สุทธิไชยา เลขาธิการ สศก. เปิดเผยว่า จากการติดตามผลการดำเนินโครงการธนาคารโคนมทดแทนฝูง พบว่า มีการดำเนินงานในลักษณะฟาร์มรวม และบริหารโดยสหกรณ์ซึ่งรับฝากลูกโค - โครุ่น มาไว้ที่ฟาร์มกลางของสหกรณ์ เพื่อเลี้ยงดูตามหลักวิชาการ ให้อาหารที่เหมาะสมตามช่วงวัย ส่งผลให้โคมีการเจริญเติบโตและสมบูรณ์กว่าการเลี้ยงเองที่ฟาร์มของเกษตรกร และยังเพิ่มโอกาสในการผสมเทียมติดเร็วขึ้น เกษตรกรจะมีรายได้จากการรีดนมได้เร็วขึ้นเช่นกัน เมื่อได้ระยะเวลาโคสาวเติบโตและตั้งท้อง 3 เดือน จึงให้สมาชิกมาไถ่ถอนคืนหรือขายให้แก่เกษตรกรรายอื่น ซึ่งการถอนคืนโคสาว สมาชิกอาจชำระเป็นเงินสด หรือเงินเชื่อ หรือให้หักจากค่าน้ำนมดิบที่นำมาขายให้สหกรณ์ได้เช่นกัน โดยเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางสหกรณ์จะกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการและบันทึกข้อมูลอย่างชัดเจน

จากการติดตามประเมินผลสหกรณ์ที่จัดตั้งเป็นธนาคารโคนมทดแทนฝูง พบว่า การดำเนินงานตั้งแต่ปี 2559 - 2560 มีการจัดตั้งธนาคารโคนมทดแทนฝูง ทั้งหมด 8 แห่ง ครบตามเป้าหมาย เกษตรกรฝากโคทดแทนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 553 ราย จำนวนโคทดแทนที่ขายฝาก 1,712 ตัว มูลค่าการขายฝากรวม 28,411,558 บาท โดยเกษตรกรถอนคืนโคสาวท้องแล้วทั้งหมด 381 ราย จำนวนโคสาวท้องที่ถอนคืน 1,199 ตัว มูลค่าการถอนคืนโคสาวท้องรวม 55,221,199 บาท ซึ่งเกษตรกรได้รับปริมาณน้ำนมดิบจากแม่โคในโครงการสูงกว่าแม่โคที่เกษตรกรเลี้ยงเองเฉลี่ย 0.71 กก./ตัว/วัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 3,898 บาท/ตัว/ปี

ด้านรายจ่าย พบว่า เกษตรกรมีรายจ่ายในการถอนคืนโคสาวท้อง 4 เดือน จากธนาคารในราคาเฉลี่ย 46,056 บาทต่อตัว ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการเลี้ยงโคนมด้วยตนเองจนกระทั่งเป็นโคสาวท้อง 4 เดือน เกษตรกรจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 49,296 บาทต่อตัว ซึ่งค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเฉลี่ย 3,240 บาทต่อตัว

สำหรับภาพรวมพบว่าเกษตรกรสมาชิกธนาคารมีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการในระดับค่อนข้างมาก และเกษตรกรมากกว่า ร้อยละ 90 ต้องการใช้บริการของธนาคารในครั้งต่อไปเช่นเคย อย่างไรก็ตาม สหกรณ์ควรมีแนวทางที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรถอนคืนโคสาวท้องในด้านอื่นด้วย เช่น ให้เกษตรกรฝากเงินที่ได้จากการขายฝากไว้กับสหกรณ์ เมื่อถึงเวลาถอนคืนก็ชำระเงินส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น หรือการสนับสนุนให้เกษตรกรฝากเงินรายเดือนไว้กับสหกรณ์เพื่อใช้ในการถอนคืนโคสาวท้องเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะเป็นอีกทางเพื่อช่วยลดภาระในการหาเงินมาถอนคืนโคสาวท้องของเกษตรกรได้ และสหกรณ์ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์โครงการ และสร้างความเข้าใจกับเกษตรกรถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกษตรกรมีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ และสมัครเข้าร่วมโครงการมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน