สบน. ชี้แจงหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2561

พฤหัส ๑๑ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๗:๐๕
นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ชี้แจงประเด็นปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เกี่ยวกับตัวเลขหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2561 โดยเปรียบเทียบกับตัวเลขหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2557 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะขอชี้แจงที่มาของยอดหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลาดังกล่าวว่า เป็นการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อดำเนินนโยบายการคลังในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 - 2561 รวมถึงการกู้เงินเพื่อให้รัฐวิสาหกิจกู้ต่อสำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของการลงทุนดังกล่าวสะท้อนได้จากสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐต่อ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 4 ในปี 2557 เป็นร้อยละ 6 ในปีปัจจุบัน และสัดส่วนงบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนของรัฐบาลในกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 17.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ 2557 (หรือ 441,128.6 ล้านบาท) เป็นร้อยละ 22.2 ในปีงบประมาณ 2561 (หรือ 676,469.6 ล้านบาท) รวมถึงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในสาขาคมนาคมขนส่ง ได้แก่ ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระบบรถไฟทางคู่เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งในภูมิภาค ระบบทางพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นต้น โดยในช่วงปี 2558 - 2561 มีการเบิกจ่ายเม็ดเงินลงทุนผ่านโครงการดังกล่าวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสิ้น 330,905.46 ล้านบาท

ทั้งนี้ ระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนสิงหาคม 2561 เท่ากับร้อยละ 41.32 ยังอยู่ภายใต้สัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ โดยหากเปรียบเทียบกับระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ในเดือนสิงหาคม 2557 ที่ร้อยละ 43.12 พบว่ามีแนวโน้มลดลง แสดงให้เห็นว่าการลงทุนของรัฐบาลผ่านระบบงบประมาณและผ่านการลงทุนของรัฐวิสาหกิจส่งผลให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเพิ่มขึ้นได้ตามศักยภาพที่ควรจะเป็น

สำหรับการบริหารหนี้สาธารณะในอนาคตนั้น นอกจากจะต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว ยังต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งประกาศใช้ในเดือนเมษายน 2561 ด้วย โดยมีการกำหนดสัดส่วนการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อรักษาวินัยในการก่อหนี้ของรัฐบาล ซึ่งนอกจากการรักษาระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนรายได้ของรัฐบาลเพื่อการชำระหนี้ในอนาคตด้วย โดยรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในสัดส่วนที่เหมาะสม กล่าวคือชำระดอกเบี้ยตามภาระที่เกิดขึ้นจริงและชำระคืนต้นเงินกู้ตามสัดส่วนที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด คือ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.5 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย ทั้งนี้ การชำระคืนต้นเงินกู้จะต้องอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 2.5 - 3.5 ของกรอบงบประมาณรายจ่ายในแต่ละปี รวมถึงกำหนดสัดส่วนงบลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของวงเงินงบประมาณในแต่ละปี โดยกำหนดให้การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณต้องนำไปใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเท่านั้น ทำให้รัฐบาลต้องรับผิดชอบในการจัดเก็บรายได้ให้เพียงพอสำหรับรายจ่ายประจำ ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินนโยบายการคลังและการบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาลมีความยั่งยืนในระยะยาว

คณะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

โทร. 02 265 8050 ต่อ 5505

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา