ผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 ระหว่างวันที่ 13 – 14 ธันวาคม 2561 ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี

พุธ ๑๙ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๔:๑๔
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงว่า นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance and Central Bank Deputies' Meeting: AFCDM+3) เมื่อวันที่ 13 – 14 ธันวาคม 2561 ณ เมืองปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีการหารือประเด็นเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของภูมิภาคอาเซียน+3 ดังนี้

1.การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสกระทรวงการคลังและธนาคารกลางอาเซียน+3 อย่างไม่เป็นทางการ ผู้แทนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) และสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+3 (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office: AMRO) ได้คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2562 ว่าจะเติบโตร้อยละ 3.7 เท่ากับปี 2561 แต่ภาพรวมเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+3 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอจากร้อยละ 5.4 ในปี 2561 เหลือร้อยละ 5.1 ในปี 2562 และอาจจะต่ำกว่าหากปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศมีความรุนแรงขึ้น โดยในปีหน้า เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความเสี่ยงหลายปัจจัย อาทิ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐประชาชนจีน ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมัน และนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกาที่อาจปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเร็วกว่าการคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะในตลาดของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ทั้งนี้ ทั้งสามสถาบันมีความเห็นสอดคล้องกันว่า กลุ่มประเทศอาเซียน+3 ควรดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบผสมผสาน ทั้งนโยบายการเงินและการคลังแบบดั้งเดิม (Conventional Policies) และแบบพิเศษ (Unconventional Policies) เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่มีความผันผวนดังกล่าว โดยเห็นว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวและนโยบายการเงินการคลังที่ยืดหยุ่นและมุ่งรักษาเสถียรภาพเป็นนโยบายที่เหมาะสม โดยมุ่งเน้นการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจให้เอื้อต่อการลงทุนและการค้า รวมทั้งสนับสนุนการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและทั่วถึง ในส่วนของประเทศไทย AMRO คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตชะลอลงเล็กน้อย จากร้อยละ 4.2 ในปี 2561 เหลือร้อยละ 4.0 ในปี 2562 โดยมีมูลค่าการนำเข้าสูงกว่ามูลค่าการส่งออกที่มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยจะส่งผลในเชิงลบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและภาระทางการคลังของประเทศในอนาคต อย่างไรก็ดี นโยบายบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย และอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันมีความเหมาะสมและเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ประเทศไทยควรมุ่งเน้นการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเตรียมมาตรการเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

2. การประชุมในฐานะกรรมการบริหารของ AMRO ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนงบประมาณและแผนงานด้านบุคลากรประจำปี 2562 รวมถึงเห็นชอบนโยบายต่าง ๆ ที่ AMRO จะดำเนินการในอนาคต ประกอบด้วย นโยบายด้านการสื่อสารกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีความอ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางการเงินผ่านกลไกมาตรการริเริ่มเชียงใหม่สู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) นโยบายด้านหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Partnership Strategy) และนโยบายด้านการแลกเปลี่ยนเอกสารกับองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังได้พิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรในตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสของ AMRO รวมทั้งกรอบการประเมินผลการปฏิบัติงานของ AMRO (Performance Evaluation Framework: PEF) เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไปด้วย

3. การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินภายใต้ CMIM ซึ่งเป็นกลไกความช่วยเหลือทางการเงินของภูมิภาคอาเซียน+3 โดยที่ประชุมได้เห็นชอบร่างสุดท้ายของความตกลง CMIM ที่ได้รับการปรับปรุงตามกระบวนการทบทวนความตกลง CMIM เป็นระยะ (Periodic Review) เพื่อให้กลไกการทำงานมีประสิทธิภาพ และมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในทางปฏิบัติ และได้เห็นชอบให้นำร่างความตกลงดังกล่าวเสนอที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance Ministers' and Central Bank Governors' Meeting: AFMGM+3) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ณ สาธารณรัฐฟิจิ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มกระบวนการลงนามต่อไป

4. มาตรการริเริ่มตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market Initiative: ABMI) เป็นมาตรการเพื่อพัฒนาตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของภูมิภาคอาเซียน+3 ให้เป็นแหล่งระดมเงินทุนและเป็นทางเลือกในการออม ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินการในปี 2561 รวมทั้งความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อทบทวนแผนงาน ABMI ฉบับปัจจุบัน (ปี 2559 – 2561) (ABMI Roadmap Review) เพื่อเตรียมจัดทำแผนงานฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จในปี 2562 ตามแผนที่กำหนดให้มีการทบทวนทุก 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นเอเชียเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการลงทุนภายในภูมิภาคต่อไป

สำนักนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

โทร. 02 273 9020 ต่อ 3663

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud