"ในปีที่ผ่านมาตลาดการแข่งขันวงการทีวีจะยากขึ้นด้วยเหตุผลที่ว่ามีช่องเพิ่มขึ้นมีคู่แข่งมากขึ้น แต่เราคงยึดหลักการทำงานที่มีคุณภาพ สร้างงานที่คิดว่าดีกว่าคู่แข่งอื่นๆ และถ้าทำรายการติดอันดับ 1 ใน 5 เชื่อว่ารายการก็สามารถอยู่ได้ โชคดีที่รายการของเราสามารถทำเรตติ้งสูงสุด กระแสตอบรับทางด้านออนไลน์ก็ติดอันดับหนึ่งมาตลอดโดยเฉพาะใน youtub ก็ติดอันดับหนึ่งทุกสัปดาห์ และที่สำคัญการพูดถึงในทวิตเตอร์ของรายการ มาสเตอร์เชฟ และ มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ก็ติดเทรนอันดับโลกด้วย ส่วนของงานในปี 62 บริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ป จำกัดนั้นก็ยังคงคอนเซปต์เดิมคือการลงทุนกับการทำรายการไม่ว่าจะเป็นรายการ มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย ซีซั่น 3 หรือ มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ประเทศไทย ซีซั่น 2 การลงทุนยังคงทุ่มเหมือนเดิมยังคงยึดเรื่องของคุณภาพด้านโปรดักชั่นทุกด้านหรือการทุ่มเรื่องวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมที่จะนำมาใช้ในรายการ นอกจาก 2 รายการนี้แล้วอีกหนึ่งรายการที่จะผลิตเพิ่มคือ เดอะเนก ไอรอนเชฟ ประเทศไทย ศึกค้นหาเชฟกระทะเหล็ก เป็นรายการเรีลลิตี้เต็มรูปแบบอีกหนึ่งรายการที่การลงทุนไม่แพ้ มาสเตอร์เชฟ ประเทศไทย แต่จะเป็นรายการเรียลิตี้โชว์ที่คัดสรรเชฟมืออาชีพที่ดีที่สุดเพื่อมาเป็นเชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทย เพิ่มขึ้นเชื่อว่ารายการนี้จะทำให้ผู้ชมได้เห็นความท้าทายแบบสุดขั้วของผู้ที่เป็นเชฟมืออาชีพ ดังนั้นภาพรวมเกี่ยวกับการทำรายการอาหารหรือว่าฟู้ดคอนเทนต์จะเห็นว่าบริษัท เฮลิโคเนีย เอช กรุ๊ปจะครอบคลุมทั้งหมดเพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่วนเรื่องของการลงทุนทั้งหมดในปีนี้ตั้งไว้ 350 ล้านบาทร่วมถึงการลงทุนรายการ เชฟกระทะเหล็ก ประเทศไทยด้วย นอกจาก 3 รายการนี้แล้วปีนี้ยังจะมีอีกหนึ่งรายการเป็นรายการแข่งขันทำอาหารระดับชั้นนำของโลกที่ทางบริษัทได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว โดยจะเปิดตัวภายในปีนี้บอกได้ว่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 3 รายการที่ทำอยู่และความสนุกแร้าใจไม่แพ้กันแน่นอน"