เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการออกกำลังกาย

พฤหัส ๑๐ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๑:๕๒
เดี๋ยวนี้ผู้คนหันมาให้ความสนใจเรื่องการออกกำลังกายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง ปั่นจักรยาน โยคะ แอโรบิค ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หลายคนยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ที่ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้องเพื่อให้การออกกำลังกายของคุณได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ว่าแต่จะมีเรื่องอะไร? บ้าง... มาดูกันครับ

1. ออกกำลังกายตอนท้องว่างเบิร์นไขมันได้ดีกว่า การออกกำลังกายขณะท้องว่าง อาจจะไม่เหมือนกับตอนที่ทานอะไรมาแล้ว คือเราจะไม่ค่อยมีแรงมากนักจากการอดอาหารเป็นเวลานาน การเผาผลาญไขมันจะเกิดเมื่อออกกำลังกายแบบปานกลาง 20-30 นาทีขึ้นไป แนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิค ที่ระดับความหนัก 60-65% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที จะช่วยในการเผาผลาญไขมันได้ดี แต่ถ้ากินอะไรมามากพอ การออกกำลังกายโดยกล้ามเนื้อมัดใหญ่แบบเบาสลับหนัก ที่เรียกว่า High intensity interval training จะช่วยให้อัตราการเผาผลาญหลังออกกำลังกายคงอยู่ได้นานกว่า

2. วิ่งแล้วขาใหญ่ การออกกำลังอะไรก็ตามที่ไม่ได้ใช้แรงกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่จะไม่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะการวิ่งที่ใช้แรงกล้ามเนื้อทีละนิดแต่นานๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันที่ติดอยู่กับบริเวณกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งไม่ได้ทำให้น่องโตขึ้นครับ

3. ผู้หญิงเล่นเวทแล้วจะล่ำ จริงๆ แล้วอัตราการสร้างกล้ามเนื้อของผู้หญิงจะน้อยกว่าผู้ชาย เพราะมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนน้อยกว่ามาก ซึ่งการที่ผู้หญิงจะล่ำบึ้กขึ้นมาได้นั้นจะต้องใช้เวลานานและฝึกหนักมากครับ ตรงกันข้ามการเล่นเวทจะช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ร่างกายเบิร์นได้ดีขึ้น

4. เหงื่อออกแล้วจะผอม คนที่คิดว่าออกกำลังกายนิดๆ หน่อยๆ แค่พอให้เหงื่อออกก็ได้เบิร์นแล้ว แต่จริงๆ แล้ว เหงื่อที่ออกมาตอนที่เราออกกำลังกายมันคือ น้ำที่ร่างกายต้องขับออกมาเพื่อระบายความร้อน แต่ถ้าอยากจะเบิร์นไขมันจริงๆ ต้องออกกำลังกายอย่างน้อย40-60 นาที ขึ้นไป

5. ไม่เจ็บก็ไม่ได้ผล การที่เราออกกำลังกายแล้วเจ็บ ตึงกล้ามเนื้อบ้างถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเจ็บมากผิดปกติ เจ็บจนไม่ไหวห้ามฝืนเด็ดขาด การออกกำลังกายควรทำแต่พอดีเท่าที่ร่างกายรับได้ ร่างกายเราจะได้ไม่บาดเจ็บและทำให้ออกกำลังกายไม่ได้อีก

6. การเล่นโยคะช่วยให้หายปวดหลัง โยคะไม่สามารถรักษาอาการปวดหลังได้ เว้นแต่อาการปวดนั้นมาจากกล้ามเนื้อ การยืดกล้ามเนื้อแบบโยคะก็อาจสามารถช่วยได้ แต่ถ้าหากคุณปวดหลังจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การเล่นโยคะจะทำให้ร่างกายของคุณยิ่งแย่ ควรไปพบแพทย์จะดีกว่าครับ

7. ออกกำลังกายทุกวันยิ่งได้ผลดี ร่างกายของเราอาจจะรับภาระหนักเกินไปถ้าต้องออกกำลังกายทุกวัน สิ่งสำคัญในการออกกำลังกายคือ ห้ามหักโหมร่างกายควรต้องหยุดพักบ้างอย่างน้อย 1 - 2 วัน และขณะออกกำลังกายก็ควรเปลี่ยนท่าเพื่อบริหารกล้ามเนื้อหลายๆ ส่วน

แม้ว่าการอออกกำลังกายจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การออกกกำลังกายไม่ถูกวิธีหรือหนักเกินไป ก็ส่งผลต่อร่างกายในทางตรงกันข้ามได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรออกกำลังกายแต่พอดีและถูกต้องนะครับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว