ยูบีเอ็ม เตรียมจัดอาเซียน บิวตี้ 2019 พร้อมเปิดเทรนด์ความงามปี 62

จันทร์ ๑๔ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๕:๐๘
ยูบีเอ็ม ตอกย้ำความแรงตลาดเครื่องสำอาง จัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019" ขนผู้ประกอบการ 250 รายจัดแสดงสินค้า ดึงคนเข้าชม 1.2 หมื่นราย ชี้ญี่ปุ่นแห่เข้าไทยเพิ่ม แนะแบรนด์ควรเน้นคุณภาพ ฟันธงกลุ่มสินค้าสำหรับผู้ชายแนวโน้มสดใส

นางสาวอนุชนา วิชเวช ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการจัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2018" ( ASEAN beauty 2018 ) มีผู้เข้าชมงานมากกว่า 9,000 ราย จาก 60 ประเทศทั่วโลก บริษัทเดินหน้าจัดงาน "อาเซียน บิวตี้ 2019 ( ASEAN beauty 2019) ระหว่างวันที่ 2 – 4 พฤษภาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บนพื้นที่ 9,600 ตารางเมตร ภายในฮอลล์ 103-104 เวลา 10.00 น.- 18.00 น. โดยจะมีผู้ประกอบการหลากหลายมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะมาเปิดตัวในงานดังกล่าวอีกด้วย

สำหรับงานอาเซียน บิวตี้ 2019 นับเป็นครั้งที่ 5 ของการจัดงาน ซึ่งจะมีผู้ประกอบการจากทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชียเข้ามานำเสนอสินค้าและธุรกิจของตนเองมากกว่า 350 ราย จาก 20 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2561 มีผู้ประกอบการ 250 ราย โดยส่วนใหญ่ยังเป็นนักธุรกิจภายในประเทศ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% มาจากต่างประเทศ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ อเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส เป็นต้น คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ราย

ทั้งนี้ การจัดงานในช่วง 2 วันแรกจะเน้นการเจรจาทางธุรกิจเป็นหลัก โดยบริษัทต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยได้มีโอกาสเจอกับธุรกิจจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการนำคู่ค้าจาก สปป. ลาว เวียดนาม เข้ามาพบปะเอสเอ็มอีภายในงานอาเซียน บิวตี้ 2019 ที่กำลังจะเกิดขึ้น นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่สนใจอยากเข้าไปทำตลาดอาเซียน ขณะเดียวกันการที่ต่างประเทศได้เข้ามาในงานนี้ ก็จะทำให้ได้เห็นตลาดของไทยและตลาดของประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพน่าลงทุนเช่นเดียวกัน

นางสาวอนุชนา ในช่วง 3-4 ปีของการจัดงานต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น มีการตอบรับที่ดีมาตลอด และมีอีกหลายรายที่ต้องการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ติดปัญหาเรื่องของภาษาที่ต้องใช้ในการสื่อสาร ทำให้ไม่เชื่อมโยงกัน แต่ในปีนี้จะมีแบรนด์จากญี่ปุ่นที่ไม่เคยทำตลาดในเมืองไทยมาก่อน เข้าร่วมภายในงานดังกล่าวด้วย เบื้องต้นคาดว่าผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นจะมาสร้างพาวิลเลียนและบูธในงานประมาณ 20-25 ราย ขณะที่เกาหลีก็มีการตอบรับที่ดีเหมือนกัน โดยปีนี้มี 2 หน่วยงานจากภาครัฐบาลที่ให้การสนับสนุน จากเดิมมีเพียงหน่วยงานเดียว ทำให้พื้นที่ของเครื่องสำอางเกาหลีจะมากขึ้น

ส่วนกิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานก็หลากหลาย ทั้งเรื่องของเทรนด์ใหม่ๆ ของแต่ละประเทศ รวมถึงการสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับ อย. การส่งออก การพัฒนาสินค้า ด้านการตลาด วิธีการสร้างแบรนด์ และวิธีการทำการตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการทำเวิร์คช็อป มีบล็อกเกอร์และผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจ จัดกิจกรรมให้มีการทดลองใช้สินค้า อาทิ การแต่งหน้าด้วยตนเอง เทคนิคการทำเล็บ ทำผม ตอนนี้เริ่มประชาสัมพันธ์ไปยังผู้สนใจเพื่อให้เข้ามาชมงานแล้ว พื้นที่ขายไปได้ 60% โดยเปิดลงทะเบียนให้ชมงานล่วงหน้าที่https://www.aseanbeautyshow.com ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ด้านภาพรวมตลาดสุขภาพและความงามมีแนวโน้มมาแรงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพและบุคลิกภาพของตนเอง หรือมีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่การมีภาพลักษณ์ที่ดีภายนอก ในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดสุขภาพและความงามมีมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ 7.8% แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 1.7 แสนล้านบาท และส่งออกอีก 8 หมื่นล้านบาท โดยการส่งออกตลาดหลักจะยังเป็นอาเซียน และประเทศเอเชียอื่น ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน

ขณะเดียวกันจากการที่ตลาดเติบโตขึ้นทุกปี ทำให้มีผู้เล่นเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ผู้ประกอบการรายใหม่ต้องทำการบ้านให้ดี เพราะตลาดมีความหลากหลายมากและซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องหาความแตกต่างให้เจอ รวมถึงสร้างศักยภาพผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยอาจมีหน่วยงานวิจัยของรัฐรับรองคุณภาพสินค้า เนื่องจากที่ผ่านมาจะพบว่าผู้บริโภคใช้สินค้าแล้วเกิดปัญหาอยู่ตลอด เพราะสินค้าไม่มีคุณภาพ นับเป็นโจทย์สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงสำหรับคุณภาพของสินค้าและลอกเลียนแบบ หากมีสินค้าที่มีนวัตกรรม ก็ควรจดลิขสิทธิ์ บริษัทมองว่าหากมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ก็ย่อมดีกว่าไปต่อสู้กันด้วยราคา ที่มีผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน

นางสาวอนุชนา กล่าวอีกว่า แม้ในเชิงของแบรนด์จะมีการแข่งขันรุนแรง แต่สำหรับผู้บริโภคแล้วนับว่าเป็นเป็นปัจจัยบวก เนื่องจากการมีผู้เล่นเยอะ ทำให้ตลาดกลายเป็นของผู้ซื้อ จากเมื่อก่อนผู้เล่นน้อย ทำให้แบรนด์สามารถตั้งราคาได้ ในอดีตสินค้าอาจจะระดับราคาหลักพัน แต่ปัจจุบันหลักร้อยกว่าก็สามารถเลือกซื้อได้แล้ว อย่างในแบรนด์ขนาดใหญ่เองก็พยายามลงมาเล่นแมสมากขึ้น ทำให้จับได้หลายกลุ่มทั้งระดับบน กลาง และล่าง

อย่างไรก็ดี แนวโน้มของกลุ่มเป้าหมายที่น่าสนใจมองว่าจะเป็นเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย ซึ่งกำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากความต้องการของตลาดที่เกิดขึ้น เพราะบริษัทไม่ได้จัดงานเพียงแค่ในประเทศไทย จะเห็นสัญญาณที่เกิดขึ้นได้จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นคนที่เข้าชมและเป็นผู้ซื้อ ก็มีจำนวนผู้ชายมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวต้องการมีบุคลิกภาพที่ดีไม่แพ้ผู้หญิงเช่นเดียวกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๔๙ จุฬาฯ ครองอันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย จากการจัดอันดับโดย THE Asia University Rankings 2024
๐๙:๒๒ กทม. กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจป้องกันผลกระทบสุขภาพระหว่างปฏิบัติงานกลางแดดร้อนจัด
๐๙:๕๑ ดีพร้อมเปย์ ปล่อยกู้ระยะสั้น ช่วยผู้ประกอบการแก้หนี้
๐๙:๒๗ กทม. ตั้งเป้าปรับปรุงทางเท้าตามมาตรฐานใหม่ 76 เส้นทางภายในปี 68
๐๙:๒๗ รายการ สถานีประชาชน รับโล่ประกาศเกียรติคุณเนื่องในวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2567
๐๙:๐๒ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ รับสมัครนักศึกษาใหม่ ปริญญาโท หลักสูตรวิศวกรรมเว็บ และการพัฒนาแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์พกพา ปี
๐๙:๐๖ ต่อกล้าอาชีวะ ปี 67 ปั้นนวัตกรสายอาชีวะ สู่ Young Smart IoT Technician ด้วย IIoT เสริมแกร่งแรงงานในหลากอุตสาหกรรม S-Curve มุ่งสู่ Industry
๐๘:๐๙ WICE รับมอบรถบรรทุกไฟฟ้าจาก NEX พร้อมเดินหน้า มุ่งสู่ Green Logistics
๐๘:๔๓ EVT เร่งเพิ่มพันธมิตร รองรับนโยบายภาครัฐในการเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ
๐๙:๒๔ บิทคับ มูนช็อต ร่วม อัลติเมท เดสตินี่ เปิดตัว U Destiny เอาใจสายมู แพลตฟอร์มแรกของไทยที่ใช้ AI ทำนายดวง