เสริม “หลักนิติธรรม” สร้างอนาคต

ศุกร์ ๑๘ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๖:๐๑
สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ร่วมกับ Institute for Global Law and Policy - IGLP at Harvard Law School ตอกย้ำการสร้างเสริมหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ในโลกที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด และมีผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญต่อสมาชิกในสังคม "หลักนิติธรรม" ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างเสริมสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรม การมีส่วนร่วม และความเสมอภาคให้เกิดขึ้นในสังคม จึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องใส่ใจและให้สำคัญ ในการนี้ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (Thailand Institute of Justice - TIJ) จึงจับมือกับสถาบัน Institute for Global Law and Policy หรือ IGLP แห่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เปิดเวทีสาธารณะระดับนานาชาติว่าด้วยหลักนิติธรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนครั้งที่ 7 ในหัวข้อ "นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยุติธรรม" เชิญผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เกี่ยวข้องร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องของการผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ากับการออกแบบนโยบาย เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ หลักนิติธรรมถูกกำหนดไว้เป็นเป้าหมายที่ 16 จากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN's Sustainable Development Goals – SDGs) จำนวน 17 ข้อ และได้รับการยอมรับว่านอกจากจะเป็นเป้าหมายในตัวเองแล้ว หลักนิติธรรมยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการสร้างเสถียรภาพและการเปลี่ยนแปลงสังคม ทั้งยังเป็นปัจจัยเอื้อให้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประการอื่น ๆ ประสบความสำเร็จอีกด้วย

ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการ TIJ กล่าวว่า "ในขณะที่สังคมเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์ การทุจริตคอรัปชั่น ความไม่เท่าเทียมในสังคม และประเด็นการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม การแก้ปัญหาไม่อาจสำเร็จได้โดยอาศัยเพียงนักกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย หากยังต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งต้องการวิธีการใหม่ๆ เพื่อให้หลักนิติธรรมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการนี้ จำเป็นต้องอาศัยพลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนโลกในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการออกแบบนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งหากใช้เครื่องมือทั้งสองอย่างนี้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเชิงโครงสร้างจะเกิดขึ้นได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และยั่งยืนยิ่งขึ้น"

ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ได้ให้มุมมองว่า "เพราะอาชญากรทำงานกันเป็นเครือข่าย เราจึงต้องใช้เครือข่ายจัดการกับเครือข่าย และเพราะอาชญากรทำงานโดยใช้เทคโนโลยี เราจึงต้องใช้เทคโนโลยีจัดการกับเทคโนโลยีด้วย การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในยุคดิจิทัล ให้สามารถอำนวยความเป็นธรรมแก่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส เป็นธรรม และทันสมัย จะเป็นทิศทางหลักในการทำงานของเครือข่ายบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมไทยและนานาชาติ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือเพื่อเติมเต็มศักยภาพระหว่างกันทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติจริง พร้อมเป็นที่พึ่งและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน"

ทางด้าน ศ.ดร.ชีล่า จาซานอฟ จาก Kennedy School of Government มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ชี้ว่า "กฎหมายและเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยธรรมชาติ โดยทั่วไปคนมักเข้าใจว่า เทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่กฎหมายวางแนวทางไว้ แท้จริงแล้วเทคโนโลยีไม่ได้นำหน้ากฎหมาย หากแต่ทำงานร่วมกันในการสร้างระเบียบสังคมที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวแปร" นอกจากนี้ยังชี้ว่า หน้าที่หลักของกฎหมายคือการกำหนดและปกป้องคุณค่าและสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ในบริบทของการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เทคโนโลยีเป็นตัวทดสอบและปรับเปลี่ยนบรรทัดฐานเดิมในสังคม และนำมาซึ่งความท้าทายใหม่ ๆ เช่น ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว เป็นต้น

"พวกเราควรจะได้ตระหนักและเข้าใจศักยภาพในทางสร้างสรรค์ของกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเทคโนโลยี" ศ.ดร.ชีล่า กล่าวย้ำ

เวทีสาธารณะระดับนานาชาติในครั้งนี้ ยังมีการเสวนาใน 3 หัวข้อ จากการตกตะกอนร่วมกันของนักกฎหมาย นักนโยบาย นักเทคโนโลยี และนักวิชาการ 140 คน จากกว่า 40 ประเทศ ที่ได้ผ่านการเรียนรู้ และระดมสมองอย่างเข้มข้นตลอด 5 วันเต็ม ในหลักสูตร "TIJ-IGLP Workshop for Emerging Leaders on the Rule of Law and Policy" ประจำปี 2562

การเสวนาแรกจัดภายใต้หัวข้อ "ประสบการณ์ในระดับภูมิภาคด้านหลักนิติธรรมและนโยบาย" ได้หยิบยกประสบการณ์ที่น่าสนใจด้านหลักนิติธรรมที่หลากหลายประเทศในอาเซียน ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย กำลังเผชิญ อาทิ ประเด็นด้านสิทธิในที่ทำกินและปัญหาสิ่งแวดล้อม ประเด็นความเสมอภาคทางเพศ และการต่อต้านการคอร์รัปชั่น มานำเสนอ

ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ก่อตั้ง HAND Social Enterprise อ้างถึงองค์กรกว่า 30 แห่งในประเทศไทยที่กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงพลังในการแจ้งพฤติกรรมคอร์รัปชั่นผ่านสื่อโซเชียล โดยชี้ว่า "เราต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน ผ่านการสร้างระบบนิเวศเพื่อต่อต้านคอร์รัปชั่น"

การเสวนาที่ 2 ว่าด้วย "การสร้างเสริมความเท่าเทียมและความยุติธรรมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี" อภิปรายเกี่ยวกับประเด็นด้านผู้กำกับดูแลเทคโนโลยี การย้ำเตือนถึงอันตรายจากการรวม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง
๐๓ พ.ค. มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้า โครงการบ้านชื่นสุขสร้างสุขผู้สูงอายุ ตอกย้ำ ความกตัญญู
๐๓ พ.ค. รีเล็กซ์ โซลูชันส์ เผยกลุ่มค้าปลีกและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยังไม่ใช้ศักยภาพของ AI มากนัก
๐๓ พ.ค. กทม. บูรณาการหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาเด็กเช็ดกระจก-ขายของริมถนน ใช้สหวิชาชีพแก้ปัญหารายครอบครัว