ทีโอที เอ็มโอยู กนอ. กฟน. ทีโอที SME Bank พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล-พลังงานอัจฉริยะในนิคมฯสมาร์ทปาร์ค

พุธ ๒๓ มกราคม ๒๐๑๙ ๑๖:๓๒
กนอ.ผนึก กฟน.-ทีโอที-SME Bank ร่วมเดินหน้าโครงการความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน" ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค มุ่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ทั้งระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง พลังงานอัจฉริยะ ศูนย์การให้บริการด้านข้อมูลอัจฉริยะ และการสนับสนุนการให้บริการทางการเงิน กับผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน อุตสาหกรรมไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง

ดร.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้กำหนดนโยบาย ที่ชัดเจน ในการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน โดยเน้นการต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการผลิตและเป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดย กนอ.มีบทบาทในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ซึ่งในวันนี้ (23 มกราคม 2562) ได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับพันธมิตร 3 ฝ่าย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอที และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) หรือ SME Bank ในการศึกษา "โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบดิจิทัลและสื่อสารสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Digital/Telecommunication)และบันทึกความร่วมมือโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)" ในนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ทั้งในด้านการวางระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบให้บริการธุรกรรมทางการเงิน การใช้พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0

"ความร่วมมือในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือในการต่อยอดภาคการผลิต เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยในการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมทั้งการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตของไทย ด้วยนวัตกรรมที่จะเชื่อมโยงความเจริญไปสู่ภูมิภาค"ดร.สมจิณณ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายของความร่วมมือในโครงการดังกล่าว กนอ. กฟน. ทีโอที และ SME Bank จะร่วมกันพัฒนานิคมฯ สมาร์ท ปาร์ค ในด้านต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกัน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่จะนำไปใช้พื้นที่ทั้งในด้านการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) เพื่อการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

2.การให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับบริการระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งในการวางระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม ระบบการสื่อสารไร้สาย รวมทั้ง Digital Solution Platform ที่ประกอบด้วยการให้บริการด้านการเก็บรักษาข้อมูลให้กับผู้ประกอบการโดยใช้ระบบศูนย์กลางการเก็บข้อมูล หรือ Data Center ด้วยรูปแบบการให้บริการในระบบต่างๆ อาทิ คลาวด์แพลตฟอร์ม (Cloud Platform ) ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูล สามารถตอบโจทย์การทำงานของธุรกิจได้เป็นอย่างดี Internet of Things หรือ IoT Platform เป็นการเชื่อมโยงข้อมูล ด้วยระบบอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน Cyber Security หรือ ระบบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการเจาะข้อมูลเข้าสู่ระบบ Big Data หรือ ระบบศูนย์ข้อมูลกลางที่สามารถนำไปประมวลผลเพื่อประโยชน์การผลิตและวางแผน และ AI Platform หรือระบบประมวลผลอัจฉริยะเป็นต้น

3.การสนับสนุนทางด้านแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ทางการตลาด การจัดการผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ที่ควบคู่กับการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการ นิคมอุตสาหกรรมที่เข้ามาใช้พื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค

นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ กฟน. ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมอัจฉริยะ และโครงการพัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ในนิคมอุตสาหกรรม ร่วมกับ กนอ.และทีโอที ซึ่งบทบาทของ กฟน.จากพิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ คือ การร่วมกับ กนอ.พัฒนาพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ในนิคมอุตสาหกรรมโดยศึกษาและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) พลังงานทดแทน (Renewable Energy) การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency) อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (New S-Curve) โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค ตามแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะส่งเสริมให้นิคมอุตสาหกรรมมีความทันสมัย ชุมชนในนิคมอุตสาหกรรมมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ด้านนายมนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที กล่าวว่า เป้าหมายของความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทีโอที ต้องขอขอบคุณ กนอ. ธพว. และ กฟน.ที่ให้ความไว้วางใจ ทีโอที ในการที่จะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กรและของบุคลากร รวมถึงสนับสนุนด้านโทรคมนาคมและดิจิทัลให้กับผู้ประกอบในนิคมอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต New S-Curve โครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทปาร์ค และรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ Digital Transformation ด้วยการดำเนินงานที่ใช้ดิจิทัลเป็นbase และพัฒนาธุรกิจไปสู่ดิจิทัล 4.0 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาขยายตลาดสร้างรายได้เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคตต่อไป

"ทั้งนี้ ในวันนี้ (23 มกราคม 2562) กฟน.และทีโอที ได้ร่วมลงนามความร่วมมือ เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและการสื่อสารที่จะนำไปสู่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) อันจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐในการจัดสร้างและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางไฟฟ้าและการสื่อสารสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน และปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในนิคมอุตสาหกรรมให้สวยงามเป็นระเบียบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการ บูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร และ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศได้อย่างยั่งยืน"นายมนต์ชัยกล่าว

อย่างไรก็ตามโครงการนิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท ปาร์ค พัฒนาอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 2,000 ไร่ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve ประกอบด้วย 1.หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (ROBOTICS) 2.อุตสาหกรรมการบิน และโลจิสติกส์ (AVIATION AND LOGISTICS) 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล (DIGITAL) 4.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (BIOFUELS AND BIOCHEMICALS) 5.อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (MEDICAL HUB)

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud