ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ และสมาคมมะเร็งนรีเวชไทยบูรณาการความร่วมมือจัดโครงการ “Wake up สตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก รู้ไว้ป้องกัน HPV”

ศุกร์ ๐๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ ๑๔:๔๓
ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ และสมาคมมะเร็งนรีเวชไทยบูรณาการความร่วมมือจัดโครงการ "Wake up สตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก รู้ไว้ป้องกัน HPV"

มกราคมเดือนรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปากมดลูก วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ และสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย บูรณาการความร่วมมือสร้างเสริมสุขภาพให้สตรีไทยได้ตระหนักรู้ถึงการป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสเอชพีวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูกที่คร่าชีวิตสตรีไทยเฉลี่ยถึงวันละ 14 คน ทั้งๆที่มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ป้องกันได้ ภายใต้แคมเปญรณรงค์ "Wake up สตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก รู้ไว้ป้องกัน HPV" ซึ่งภายในงานได้มีการจัดเสวนาให้ความรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชพีวีและวิธีป้องกันสตรีไทยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ นายแพทย์จตุพล ศรีสมบูรณ์ นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย และ นายแพทย์ณัฐวุฒิ กันตถาวร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พร้อมด้วยคุณแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และ บูม-สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง ที่ได้มาร่วมแบ่งปันเรื่องราว และเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมรณรงค์ให้ประเทศไทยปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูกในโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ได้จัดบุคลากรทางการแพทย์ให้บริการตรวจเช็กสุขภาพ และให้คำปรึกษาด้านโรคทางนรีเวชแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ ตรวจอัลตราซาวด์เชิงกรานสตรีในกลุ่มที่มีอาการผิดปกติ อาทิ ปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือคลำได้ก้อน, ตรวจมวลกระดูกพร้อมให้คำปรึกษาวัยทองสำหรับสตรีอายุ 45 ปีขึ้นไป, ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชพีวี และรับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีกับทีมแพทย์เฉพาะทาง ตลอดจนการสอนตรวจคลำเต้านมด้วยตนเอง ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมีพลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค รักษาการรองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายสนับสนุนและพัฒนาโครงการใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการรณรงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และทีมบุคลากรทางการแพทย์จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

พลอากาศตรี นายแพทย์สันติ ศรีเสริมโภค รักษาการรองอธิการบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ฝ่ายสนับสนุนและพัฒนาโครงการใหม่ กล่าวว่า "โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ในฐานะที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางชำนาญการด้านโรคมะเร็งที่ได้สืบสานการดำเนินงานตามรอยพระปณิธานอันแน่วแน่ใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงมุ่งหวังให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์ชำนาญการด้านการศึกษา การวิจัย และการรักษาโรคมะเร็งของประเทศไทย ด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย ยกระดับการรักษาให้ทัดเทียมนานาประเทศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง รวมถึงผู้ป่วยยากไร้ให้ได้รับการดูแลบำบัดรักษาอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน ในโอกาสที่เดือนมกราคมเป็นเดือนแห่งการรณรงค์ต้านภัยมะเร็งปากมดลูกสากล วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ และสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการรณรงค์เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้สตรีไทยห่างไกลจากโรคมะเร็งปากมดลูก จัดโครงการบริการทางการแพทย์ด้านโรคทางนรีเวชพร้อมกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูกภายใต้แนวคิด "Wake up สตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก รู้ไว้ป้องกัน HPV" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพ และเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานในกำกับของรัฐที่ให้การสนับสนุนการบูรณาการองค์ความรู้เพื่อให้สตรีไทยได้ตระหนักและป้องกันภัยจากโรคมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งในปี พ.ศ. 2562 นี้เป็นปีที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 ของการเปิดดำเนินงาน ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับโรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์จึงได้จัดกิจกรรมบริการตรวจเช็กสุขภาพและให้คำปรึกษาด้านโรคทางนรีเวช อาทิ ตรวจอัลตราซาวด์เชิงกรานสตรี ตรวจมวลกระดูกพร้อมปรึกษาอาการวัยทอง แก่ประชาชนตลอดระยะเวลาการจัดกิจกรรมทั้ง 2 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี (B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้ เพื่อสานต่อพระปณิธานขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ที่ทรงมุ่งหวังให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์เป็นที่พึ่งของประชาชนคนไทย โดยเฉพาะผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาสที่จะได้มีโอกาสเข้าถึงบริการรักษาพยาบาลที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากลอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลยึดถือตลอดระยะเวลาที่เปิดดำเนินงานมา"

ศาสตราจารย์ นายแพทย์จตุพล ศรีสมบูรณ์ นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า "จากสถิติทั่วโลกนั้นมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งในสตรีที่พบเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ซึ่งรวมทั้งในประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาพบผู้หญิงไทยป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกรายใหม่มีมากถึง 8,600 รายต่อปี หรือในทุกๆวันจะมีผู้ป่วยรายใหม่ถึง 24 คน และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม โดยปัจจุบันโรคมะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิตสตรีไทยเฉลี่ยถึงวันละ 14 คน ทั้งๆที่มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่ป้องกันได้เพราะเรารู้สาเหตุแน่ชัดแล้วว่ามะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งมีวิธีการป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าวที่มีประสิทธิภาพ ทั้งการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชพีวี ดีเอ็นเอ และวัคซีนป้องกัน โดยช่วงเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา ดร. เท็ดรอส แอดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้กล่าวถ้อยแถลงซึ่งถือเป็นเป้าหมายระดับนานาชาติที่ตอบสนองต่อข้อผูกพันด้านนโยบายสุขภาพโลกในที่ประชุมขององค์การสหประชาชาติว่า "A world free of cervical cancer" หรือ "มะเร็งปากมดลูกควรจะต้องหมดไปจากโลกใบนี้" โดยมีมาตรการขจัดโรคมะเร็งปากมดลูกที่สำคัญ ได้แก่ การรับวัคซีน การตรวจคัดกรอง การรักษา และการดูแลแบบประคับประคอง ซึ่งสิ่งที่ทุกประเทศต้องทำอันดับแรก คือ จะต้องแนะนำและขยายการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีให้ครอบคลุมกลุ่มเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ให้มากที่สุด ประการที่สองทุกประเทศจะต้องแนะนำและปรับการตรวจคัดกรองเชื้อเอชพีวีให้เป็นการตรวจพื้นฐานสำหรับผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 49 ปี และให้การรักษาและติดตามผลอย่างเหมาะสม และประการที่สามทุกประเทศจะต้องเพิ่มการเข้าถึงการวินิจฉัยการรักษามะเร็งปากมดลูก และให้การดูแลแบบประคับประคอง โดยรัฐบาลไทยได้เป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมสนับสนุนในการประชุมดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ สมาคมมะเร็งนรีเวชไทยในฐานะศูนย์รวมของบุคลากรที่ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งนรีเวช และสื่อกลางในการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการและการให้บริการแก่ประชาชนด้านโรคมะเร็งในสตรี จึงได้ผนึกกำลังกับทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานภาครัฐและเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคมะเร็งได้ร่วมมือกันบูรณาการองค์ความรู้ และสานต่อนโยบายระดับชาติเพื่อรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพให้สตรีไทยได้ตระหนักรู้ถึงการป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสเอชพีวี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกให้กับสตรีไทย"

ด้าน นายแพทย์ณัฐวุฒิ กันตถาวร แพทย์เฉพาะทางมะเร็งวิทยานรีเวช อาจารย์คณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า "ในโอกาสที่เดือนมกราคมของทุกปีซึ่งถือเป็นเดือนต้านภัยมะเร็งปากมดลูกสากล ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นศูนย์ที่เปิดให้บริการทางด้านการตรวจรักษาโรคทางนรีเวช และมะเร็งนรีเวช ได้ให้ความสำคัญต่อการรณรงค์ส่งเสริมการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งปากมดลูกเพื่อให้สตรีไทยทั่วทุกภาคส่วนได้ตระหนักรู้ และสามารถป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยยังคงมีตัวเลขที่น่าเป็นห่วง โดยในปีนี้เพื่อให้สอดรับการตอบสนองต่อการสนับสนุนนโยบายสุขภาพโลกของทางองค์การอนามัยโลกจึงได้จัดทำโครงการรณรงค์ภายใต้แนวคิด "Wake up สตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก รู้ไว้ป้องกัน HPV" ซึ่งในโครงการได้มีการจัดทำภาพยนตร์รณรงค์ให้ความรู้โดยทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็งวิทยานรีเวช และสูตินรีแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ที่ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ชุดดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญที่เน้นย้ำให้สตรีไทย รู้จัก – ป้องกัน – ใส่ใจ – คัดกรอง เชื้อไวรัสเอชพีวีสาเหตุหลักของโรคมะเร็งปากมดลูก และการส่งเสริมการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกให้กับสตรีไทย โดยแนะนำให้พบสูตินรีแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งในอนาคตจะเป็นโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกพื้นฐานในสตรีอายุ 30 ปีขึ้นไป และการตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี รวมถึงแนะนำให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี ทั้งนี้ การได้รับความรู้และทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรายจากเชื้อไวรัสเอชพีวีเป็นส่วนสำคัญที่จะนำพาให้ผู้หญิงไทยห่างไกลจากโรคมะเร็งปากมดลูก เพื่อเป้าหมายสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่จะสานฝันให้ประเทศไทยปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูกในอนาคต"

"ณ ปัจจุบัน วิทยาการทางการแพทย์ได้เจริญก้าวหน้า โดยมีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากการตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA) เพื่อจะบอกให้แพทย์ทราบว่าผู้ตรวจเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ ซึ่งการตรวจคัดกรองด้วยวิธีแพปสเมียร์จะสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 10 ปี ถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น และบางครั้งกว่าจะตรวจพบก็เข้าสู่มะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ดังนั้น ในปัจจุบันจึงมีการแนะนำให้สตรีในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือในกลุ่มสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งสามารถตรวจได้ถึง 14 สายพันธุ์ และสามารถระบุได้ว่าเป็นการติดเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ 18 ที่มีความเสี่ยงสูงในการพัฒนารอยโรคก่อนมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากการติดเชื้อเอชพีวี มักไม่แสดงอาการ การตรวจหารอยโรคก่อนมะเร็งแต่เนิ่นๆจะช่วยให้แพทย์ควบคุมความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก และตัดสินใจเลือกวิธีรักษาโดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม สตรีที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป ก็ยังต้องเข้ารับบริการตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอทุกปี เพื่อปกป้องตนเองจากเชื้อไวรัสเอชพีวี และโรคมะเร็งปากมดลูก นอกจากนี้ เรายังเน้นการสร้างเกราะป้องกัน ด้วยการลดพฤติกรรมเสี่ยง และแนะนำการเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศทั่วโลก จากงานวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนเอชพีวีล่าสุดพบว่า วัคซีนสามารถลดการติดเชื้อเอชพีวีซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันได้ถึงมากกว่าร้อยละ 90 ของเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุหลักในการก่อมะเร็งปากมดลูก และลดการเกิดรอยโรคก่อนมะเร็งได้ถึงร้อยละ 85 ซึ่งจะเห็นว่าเชื้อไวรัสเอชพีวี เป็นเชื้อไวรัสที่แพร่ติดต่อกันได้ง่ายมาก ขณะที่วิทยาการทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในการช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเอชพีวี ดังนั้น การเผยแพร่ความรู้และทำความเข้าใจที่ถูกต้อง และการได้รับการป้องกันจากวัคซีนจึงเป็นเรื่องสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โดยวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นวัยที่องค์การอนามัยโลกระบุว่าเหมาะสมที่สุดในการป้องกัน โดยถ้าได้รับวัคซีนตั้งแต่ในช่วงอายุนี้ ต่อไปเมื่อเติบโตขึ้นเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ จะได้มีภูมิคุ้มกันเตรียมพร้อมแล้ว" นายแพทย์ณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย

อนึ่ง ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ผสานทุกความเชี่ยวชาญ ปกป้องเคียงข้างสตรีไทยด้วยชุดโปรแกรมสุขภาพดีสตรีไทย ปลอดภัยไร้มะเร็งปากมดลูก Wake up สตรีไทย รู้จัก ป้องกัน ใส่ใจ คัดกรองสุขภาพสตรีในอัตราพิเศษตลอดปี 2562 อาทิ ตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA) 14 สายพันธุ์ ราคา 990 บาท, ตรวจภายในและอัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน ราคา 990 บาท, ตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ราคา 790 บาท, ตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกพร้อมตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี ราคา 1,590 บาท และวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีชนิด 4 สายพันธุ์ ราคาเข็มละ 1,990 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ที่ ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 9 อาคารศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สอบถามรายละเอียดหรือนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ โทร. 0 2576 6565 / 0 2576 6594

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. DEK ดิจิทัลมีเดีย SPU บุก Thailand Toy Expo 2024 โชว์ผลงานสุดคูล!
๑๘ เม.ย. Zoho ยกระดับแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ด้วยการทำงานร่วมกันของ Generative AI และ Low-Code
๑๘ เม.ย. Dent Talk : Fresh Up Your Knowledge ไม่รู้.ไม่ได้แล้ววว สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า
๑๘ เม.ย. โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ต้อนรับนักหมากรุกรวม 300 คน กว่า 50 ประเทศ ในการแข่งขัน Bangkok Chess Club Open ครั้งที่ 21 ประจำปี
๑๘ เม.ย. 'Water War Chiang Mai 2024' เทศกาลดนตรีใหญ่ที่สุด เปียกสุด! เดือดสุด! จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองเชียงใหม่
๑๘ เม.ย. TB Media Global จับมือ MQDC จัดกิจกรรมสงกรานต์ The Vibrant Forestias :Sook-San Songkran บนผืนป่าของ The
๑๘ เม.ย. SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต รับรางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำปี 2023
๑๘ เม.ย. โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดโครงการธรรมโอสถ บรรยายธรรมะเรื่อง สุขในงานเบิกบานในชีวิต
๑๘ เม.ย. หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต่อยอดความสำเร็จธนาคารน้ำใต้ดิน สร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำ
๑๘ เม.ย. คณะดิจิทัลมีเดีย SPU ขอเชิญร่วมกิจกรรมเสวนา หัวข้อ AI Trends Unlock Limitless Creative Potential in Digital