กูรูทิสโก้แนะใช้จังหวะหุ้นฟื้นตัวทยอยขายทำกำไร ราคาหุ้นขึ้นรับข่าวดีหมดแล้ว - ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มน่ากังวล

จันทร์ ๐๔ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๙ ๑๒:๐๕
TISCO ESU แนะนักลงทุนทยอยขายหุ้นทำกำไรช่วงตลาดฟื้นตัว หลังราคาหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นรับข่าวดีไปมากแล้ว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มน่ากังวล ปัจจัยบวกมีความไม่แน่นอนรออยู่

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกทยอยปรับขึ้นรับข่าวดีหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับจีนและสหรัฐฯ เริ่มมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้า และราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวมาประมาณ 20% นับตั้งแต่ต้นปี โดยตลาดหุ้นที่ปรับเพิ่มอย่างโดดเด่นคือสหรัฐฯ (S&P500) เพิ่มขึ้น 8% หุ้นจีน (HSCEI) เพิ่มขึ้น 9% และหุ้นไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5% นับจากต้นปี

อย่างไรก็ตาม TISCO ESU มองว่าในระยะข้างหน้าตลาดหุ้นจะปรับขึ้นไปจากระดับปัจจุบันได้ไม่มากนัก หรือเรียกว่ามี Upside จำกัด เพราะราคาหุ้นได้ซึมซับข่าวด้านบวกไปมากแล้ว ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆ เช่น จีน เกาหลี ไทย ยุโรป ญี่ปุ่น ในช่วงต้นปีออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจยืนยันว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ทำให้มีความเสี่ยงที่หุ้นจะปรับฐานอีกครั้งในปี 2562

"ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณที่น่ากังวล โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตของจีนได้ลดลงมาอยู่ในเกณฑ์หดตัว ในขณะที่ดัชนีของยุโรปและญี่ปุ่น ก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50 จุด ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างขยายตัวกับหดตัว แรงส่งจากการเร่งส่งออกสินค้าของจีนเพื่อหลีกประเด็นเรื่องภาษีของสหรัฐฯ ทยอยหมดไปหลังทั้งสองฝ่ายตกลงจะร่วมเจรจาการค้า ขณะที่ประเทศอื่นในเอเชีย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิดและเน้นการส่งออกอย่างไทย เกาหลีและญี่ปุ่น ก็เห็นการหดตัวของการส่งออกในเดือน ธ.ค. เช่นกัน ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงที่จะปรับฐานอีกครั้ง" นายคมศรกล่าว

ส่วนข่าวดีต่างๆ ที่ทำให้ตลาดปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ นอกจากตลาดจะรับรู้ไปมากแล้ว ยังมีความไม่แน่นอนรออยู่ด้วย เช่น การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ตลาดมีความคาดหวังค่อนข้างสูงต่อผลสำเร็จของการเจรจา ทำให้ค่าเงินหยวนซึ่งแข็งค่ามาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค. มาอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่สหรัฐฯ จะประกาศขึ้นภาษีกับสินค้าในกลุ่ม 2 แสนล้านดอลลาร์แล้ว แต่การเจรจายังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก และยังมีความขัดแย้งเพิ่มเติมจากคดีของบริษัท Huawei ที่อาจเป็นอุปสรรคในการเจรจาอีก ขณะที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาราว 20% ตั้งแต่ต้นปีนั้น ประเมินว่าคงเพิ่มขึ้นได้อีกไม่มาก เนื่องจากยังมีอุปทานน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้นหลังจากที่ท่อส่งน้ำมันในสหรัฐฯ ทยอยสร้างเสร็จ ที่จะเข้ามากดดันตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี

ดังนั้น ในช่วงที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเริ่มทยอยชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ การตั้งเป้าหมายการลงทุนอาจต้องเปลี่ยนไปจากเดิมที่มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนสูงสุดเป็นการเน้นการบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินต้นในยามที่เศรษฐกิจโลกดูเปราะบาง จึงแนะนำให้นักลงทุนอาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว (Rebound) ทยอยขายทำกำไรออกมาก่อน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน