เข้าสู่ไตรมาส 2 ลงทุนอย่างไรดี?

อังคาร ๐๙ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๑:๔๒
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดการณ์แนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วง 2Q62 แกว่ง sideway up ในกรอบแนวต้าน 1700/1730 จุด และแนวรับ 1600/1580 จุด ขานรับอานิสงส์เชิงบวกจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย รวมถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคในประเทศ บ่งชี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในช่วงถัดไป โดยประเมิน GDP ไทยปีนี้เติบโตที่ระดับ 3.8% นอกจากนี้คาดยังได้แรงหนุนเชิงบวกจากปัจจัยภายนอกที่ผ่อนคลายมากขึ้น นำโดยประเด็นสงครามการค้า (Trade war) ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ปัจจุบันมีสัญญาณบวกจากการพยายามเจรจากันระหว่างสหรัฐฯ และจีน และมีความคาดหวังต่อการบรรลุข้อตกลงได้ในระยะถัดไป ดังนั้นจึงประเมินประเด็นสงครามการค้า ณ ปัจจุบันจะไม่เลวร้ายไปกว่าช่วงที่ผ่านมาแล้ว คาดจะช่วยปลดล็อคความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวให้กลับมาขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังคาดตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะได้แรงหนุนเพิ่มเติมจาก นโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก เช่น FED และ ECB ที่ผ่อนคลายมากขึ้น สอดคล้องกับการประชุม FOMC ครั้งล่าสุด ที่สะท้อนมุมมองของคณะกรรมการ FED สาขาต่างๆ ว่าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ในปีนี้มีแนวโน้มจะคงที่ในระดับเดิม หรืออาจจะมีโอกาสปรับลดลงด้วย หากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังไม่เร่งตัวขึ้นตามคาด ถือเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนา (Emerging Market) มากขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ความชัดเจนต่อการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยสิ่งสำคัญคือ หากสหราชอาณาจักร แยกตัวแบบไร้ข้อตกลง อาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งของสหราชอาณาจักร และกลุ่มสหภาพยุโรปในช่วงถัดไปได้ นอกจากนี้สำหรับปัจจัยในประเทศแนะรอความชัดเจนของการเมืองไทย หลังการเลือกตั้ง ว่าท้ายที่สุดจะเห็นเสถียรภาพเพิ่มเติมหรือไม่ ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

สำหรับธีมการลงทุนเด่นในช่วง 2Q62 เราแนะนำสะสม หุ้นใน 2 ธีมเด่น ดังนี้

1) กลุ่มที่ตอบรับปัจจัยร้ายๆในช่วงก่อนหน้าไปมากแล้ว ขณะที่ Valuation เริ่มเข้าสู่ระดับที่น่าสนใจ

กลุ่มพลังงาน: ขานรับสถานการณ์สงครามการค้าที่ผ่อนคลาย แนะนำ PTTEP ราคาเป้าหมาย 150 บาท

กลุ่มโรงกลั่น: ค่าการกลั่นผ่านจุดต่ำสุดในช่วงเดือน มกราคม ไปแล้ว และไตรมาส 2 คาดได้แรงหนุนจากอุปสงค์มากขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ผสานอุปทานลดลงจากโรงกลั่นทั่วโลกหยุดซ่อมบำรุงมากสุดในรอบปี แนะนำ BCP ราคาเป้าหมาย 39 บาท

กลุ่มการแพทย์: ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาตอบรับความกังวลต่อการควบคุมค่ารักษาพยาบาลไปมากแล้ว ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่น่าลงทุน แนะนำ BCH ราคาเป้าหมาย 20 บาท

2) กลุ่มที่คาดได้อานิสงส์เชิงบวกหลังการเลือกตั้ง และแนวโน้มอัตราการทำกำไรดีขึ้น

กลุ่มค้าปลีก: คาดการบริโภคไทยเร่งตัวขึ้นสอดคล้องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ แนะนำ BJC ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ CPALL ราคาเป้าหมาย 86 บาท

กลุ่มท่องเที่ยว: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาฟื้นเด่นตั้งแต่ต้นปี โดยประเมินปีนี้นักท่องเที่ยวมีโอกาสทะลุ 40 ล้านคน แนะนำ SPA ราคาเป้าหมาย 15.8 บาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา