สยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ เผย “65.59% กังวลว่ารัฐบาลจะนำเอาพรบ.ไซเบอร์มาปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง”

จันทร์ ๒๒ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๔:๔๖
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโสสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (STC) เปิดเผยผลการสำรวจ "ความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล" สำรวจระหว่างวันที่ 15 ถึง 19 เมษายน พ.ศ. 2562 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,174 คน

ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อใช้ควบคุมและป้องกันภัยคุกคามทางระบบข้อมูลสารสนเทศซึ่งส่งผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศ โดยสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้คือการกำหนดให้มีคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) สำหรับกำหนดนโยบายให้หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ รวมถึงกำหนดนโยบายการบริหารจัดการที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (กกม.) ซึ่งมีอำนาจออกคำสั่งเพื่อตรวจสอบการกระทำที่เข้าข่ายส่งผลกระทบกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์

แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งได้แสดงความห่วงใยต่อการบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการใช้งานคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต รวมถึงการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่ผู้คนในปัจจุบันนิยมใช้ติดต่อสื่อสารและแสดงความคิดเห็นต่างๆ ขณะเดียวกันมีผู้กังวลว่าในอนาคตรัฐบาลอาจใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นเครื่องมือควบคุมและปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง รวมถึงผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลการทุจริตคอรัปชั่นต่างๆของรัฐบาล จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปต่อพระราชบัญญัติความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กับสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป แบ่งเป็นเพศหญิงร้อยละ 50.34 และเพศชายร้อยละ 49.66 สามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับการผ่านกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.33 ทราบว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ผ่านร่างกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางระบบสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตที่ส่งผลกระทบกับประเทศ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.67 ไม่ทราบ

ในด้านความคิดเห็นต่อกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 60.31 มีความคิดเห็นว่ากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จะช่วยป้องกันภัยคุกคามที่มีต่อระบบสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตของประเทศ เช่น การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว การแพร่ไวรัสทำลายระบบคอมพิวเตอร์ การทำลายระบบบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงข้อมูลความมั่นคงต่างๆ เป็นต้น ได้จริง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 57.75 ระบุว่าจะมีส่วนช่วยลดปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความวุ่นวาย/ตื่นตระหนกให้กับประชาชนได้ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 55.88 และร้อยละ 55.28 ระบุว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระบบข้อมูลสารสนเทศ/คอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ตของประชาชนในประเทศให้สูงขึ้นได้ และจะมีส่วนช่วยยกระดับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-service) ของหน่วยงานต่างๆให้มีความปลอดภัยมากขึ้นได้ ตามลำดับ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 56.81 มีความคิดเห็นว่ากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์จะไม่ส่งผลกระทบกับการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ในชีวิตประจำวันของประชาชน

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.84 เชื่อว่ามีผู้จงใจบิดเบือนเนื้อหาของกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.92 ไม่เชื่อ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.24 ไม่แน่ใจ

สำหรับความกังวลต่อกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์นั้น กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.59 กังวลว่ารัฐบาลในอนาคตจะนำเอากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มาเป็นเครื่องมือข่มขู่/จับกุม/ปราบปรามกลุ่มผู้เห็นต่างทางการเมือง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.12 กังวลว่ารัฐบาลในอนาคตจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.39 กังวลว่ารัฐบาลในอนาคตจะนำมาเป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลในการใช้งานคอมพิวเตอร์/อินเทอร์เน็ต/เครือข่ายสังคมออนไลน์ของประชาชน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.91 กังวลว่ารัฐบาลในอนาคตจะนำเอากฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มาใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นไม่ให้ประชาชนรับรู้/รับทราบ/เข้าถึงข้อมูลข่าวสารการคอรัปชั่น/ทุจริตประพฤติมิชอบในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล

ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 71.38 มีความคิดเห็นว่าภาครัฐจำเป็นจะต้องเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเนื้อหาของกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 22.49 มีความคิดเห็นว่าไม่จำเป็น ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.13 ไม่แน่ใจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๗ เม.ย. อแมนด้า ชาร์ลีน ออบดัม VICHY LIFTACTIV BRAND PARTNER ตัวแทนประเทศไทย ร่วมงาน 'V.I.C VICHY INTEGRATIVE CENTER' อีเว้นท์สุดยิ่งใหญ่ในรอบ 5 ปี ของแบรนด์ VICHY (วิชี่) อวดลุคเซ็กซี่สุดฮอต สวย ปัง
๒๖ เม.ย. ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๒๖ เม.ย. NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๒๖ เม.ย. แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๒๖ เม.ย. แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๒๖ เม.ย. RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๒๖ เม.ย. ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๒๖ เม.ย. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๒๖ เม.ย. ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๒๖ เม.ย. ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud