ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด: ธนาคารกลางทั่วโลกเล็งใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย ธปท. อาจมีทิศทางที่ต่างออกไป

อังคาร ๓๐ เมษายน ๒๐๑๙ ๑๔:๔๒
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดเศรษฐกิจโลกน่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลังของปี 2562 จากปัจจัยต่างๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายในขณะที่เงินเฟ้อยู่ในระดับควบคุมได้

"ความกังวลต่อความเสี่ยงสำคัญที่ได้พูดถึงในปีก่อนลดลง ความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ-จีนที่ส่งสัญญาณดีขึ้น ราคาน้ำมันกลับมาอยู่ในรอบขาขึ้น ซึ่งช่วยลดแรงกดดันของอัตราแลกเปลี่ยนที่มีต่อตลาดเกิดใหม่ ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบบรรยากาศโดยรวมอีก อาทิเช่น กรณี Brexit หรือการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยังไม่ลงตัว" ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวในงานวิจัย

อาเซียน - ภาพรวมการเติบโตสำหรับภูมิภาคอาเซียนยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความแข็งแกร่งของการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย การเติบโตด้านการส่งออกชะลอตัวลง แต่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ผ่อนคลายลง ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน น่าจะช่วยให้การส่งออกในครึ่งปีหลังดีขึ้น แรงกดดันต่อเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ โดยธนาคารกลางสำคัญหลายแห่ง (รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ) มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น เราคาดว่าธนาคารกลางในภูมิภาคอาเซียน อาทิเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย แต่เราไม่คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2564 เป็นอย่างน้อย เว้นแต่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองจะทวีความรุนแรงขึ้น

ประเทศไทย – ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจไม่ตามกระแสการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของประเทศอื่น เศรษฐกิจไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความยืดหยุ่นรองรับความไม่แน่นอนทางการเมืองมาได้โดยตลอด เดือนพฤษภาคมนี้น่าจะมีพัฒนาการสำคัญเกิดขึ้นสำหรับประเทศไทย เราอาจจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นแต่ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ยังไม่สามารถสรุปได้อาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีความล่าช้าออกไป อีกทั้งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในภาพรวม และจากผลการเลือกตั้งที่ยังไม่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ เราคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะยังคงเฝ้าติดตามด้วยความระวัง

"ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะเฝ้าติดตามด้วยความระวังในระยะนี้ โดยรอความชัดเจนจากสถานการณ์ทางการเมือง เราคิดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.75 ในการประชุมเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน" ดร. ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด มหาชน กล่าว

"เราไม่คาดว่าสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็นความไม่สงบ และเศรษฐกิจภายในประเทศของไทยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความยืดหยุ่น ดังนั้น เราไม่คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะดำเนินนโยบายการเงินตามทิศทางนโยบายผ่อนคลายของธนาคารอื่นทั่วโลก และไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 2-3 ปีนี้"

"อันที่จริง เรายังคงคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ" ดร. ทิม กล่าวเสริม

ในช่วงครึ่งปีหลัง เราคาดว่าความมีเสถียรภาพทางการเมืองที่น่าจะชัดเจนขึ้นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ เรายังคงคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ในไตรมาสที่ 3 การดำเนินนโยบายการเงินที่อาจจะแตกต่างจากทิศทางของโลกต้องมีปัจจัยภายในประเทศที่มีน้ำหนักเพียงพอ และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องสามารถอธิบายต่อตลาดให้เข้าใจได้

ผลกระทบที่น่าจะเกิดขึ้นจากความไม่มั่นคงทางการเมืองต่อเศรษฐกิจ - ขณะนี้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองและความไม่แน่นอนของนโยบายยังไม่ส่งผลกระทบถึงปัจจัยพื้นฐาน ตราบใดที่ผลการเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน เป็นเรื่องยากที่จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจของการเลือกตั้ง ความเข้มข้นของความเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่เรายังไม่เห็นสัญญาณว่าพัฒนาการทางการเมืองในปัจจุบันจะส่งผลกระทบในแง่ลบต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ

"เรายังคงประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ร้อยละ 4 ในปีนี้ รวมทั้งคงประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคอื่นๆ การบริโภคภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง (แม้จะหดตัวลงเล็กน้อยในระยะสั้นๆ ที่ผ่านมา)" ดร. ทิม กล่าว

เกี่ยวกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด

เราเป็นกลุ่มธนาคารสากลชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจใน 60 ตลาดที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และให้บริการลูกค้าในอีก 85 ตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการค้า การลงทุนและการสร้างความมั่งคั่ง หลักการที่สืบทอดมาและค่านิยมองค์กรของเราสะท้อนอยู่ในพันธกิจของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ว่า Here for good

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจำกัด มหาชน ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนและฮ่องกง นอกจากนี้ยังได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งชาติในประเทศอินเดียอีกด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการอ่านบทความจากทีมนักเศรษฐศาสตร์ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.sc.com และติดตามสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ทาง Twitter, LinkedIn และ Facebook

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๑๖ กทม. ประเมินผล Lane Block จัดระเบียบจราจรหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบรถแท็กซี่-สามล้อเครื่องจอดแช่ลดลง
๑๗:๐๓ สมาคมประกันวินาศภัยไทย Kickoff การใช้ข้อมูล Non-Life IBS พร้อมส่งมอบรายงานข้อมูลสถิติในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยของประเทศ
๑๗:๓๖ 3 โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ ซื้อ SAV เคาะราคาเป้า 24-25 บาท/หุ้น คาดกำไร Q1/67 ทุบสถิติออลไทม์ไฮ รับปริมาณเที่ยวบินเพิ่ม เก็งผลงานทั้งปีโตเด่น
๑๗:๐๓ Minto Thailand คว้ารางวัล Best Official Account จาก LINE Thailand Award 2023
๑๗:๒๔ กทม. ตรวจสอบความปลอดภัยอาคาร ป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ เตรียมพร้อมหน่วยเบสท์รองรับพายุฤดูร้อน
๑๗:๓๒ ไขข้อสงสัย.เมื่อซื้อแผงโซล่าเซลล์แล้วจะขนย้ายกลับอย่างไรให้ปลอดภัย โดย เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)
๑๖:๔๕ ไทเชฟ ออกบูธงาน FHA Food Beverage 2024 ที่สิงคโปร์
๑๖:๕๓ เนื่องในวันธาลัสซีเมียโลก มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมียในประเทศไทย
๑๖:๓๕ EGCO Group จัดพิธีเปิดโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration (ส่วนขยาย) อย่างเป็นทางการ
๑๖:๒๖ เพลิดเพลินไปกับเมนูพิเศษประจำฤดูกาล: อาหารจากแคว้นซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่ โวลติ ทัสคาน กริลล์ แอนด์ บาร์ โรงแรมแชงกรี-ลา