เกษตรฯ เดินเครื่องผลิตวิทยากร 3 สาร เตรียมส่งไม้ต่อ 3 หน่วยงานอบรมเกษตรกร

ศุกร์ ๐๓ พฤษภาคม ๒๐๑๙ ๑๕:๐๐
กรมวิชาการเกษตร สร้างวิทยากร 3 สารล็อตแรกผ่านฉลุย ลุยสร้างต่อล็อต 2 อีก 2,000 คน ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งลงพื้นที่อบรมเกษตรกรพร้อมผู้รับจ้างพ่นสารทั่วประเทศ วางแผนดึงสมาคมที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นวิทยากรคู่กรมส่งเสริมการเกษตร

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรได้จัดอบรมหลักสูตรการใช้วัตถุอันตราย พาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส อย่างถูกต้องและปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในส่วนภูมิภาคจำนวน 240 คนเสร็จสิ้นแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 240 คนดังกล่าวจะต้องทำหน้าที่เป็นวิทยากรไปอบรมเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 2,000 คน ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติไปอบรมเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายจำนวน 1.5 ล้านคน ที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิดในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน ต่อไป

พร้อมกันนี้ กรมวิชาการเกษตร ยังมีแผนที่จะขอความร่วมมือสมาคมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย เข้าร่วมรับการอบรมเป็นวิทยากรเพื่อไปอบรมเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผล ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนวิทยากรจากการยางแห่งประเทศไทยจะอบรมเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะอบรมเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย

สำหรับผู้รับจ้างพ่นสารทั้ง 3 ชนิดซึ่งมีจำนวน 50,000 คน วิทยากรจากกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้จัดอบรมในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร (ศวพ.) ของกรมวิชาการเกษตรใน 54 จังหวัด โดยผู้รับจ้างพ่นจะต้องผ่านการทดสอบทั้งข้อเขียนและปฏิบัติ รวมทั้งต้องเข้ารับการอบรมทุก 3 ปี และสารที่จะใช้พ่นต้องเป็นสารที่เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ซื้อจัดหามาให้เท่านั้น

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้กรมวิชาการเกษตรอยู่ในระหว่างการสร้างวิทยากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไปทำหน้าที่วิทยากรอบรมเกษตรกรและผู้รับจ้างพ่น ซึ่งการอบรมเพื่อสร้างวิทยากรจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรและผู้รับจ้างพ่นเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับการอบรมตามระยะเวลาที่กำหนด โดยเกษตรกรที่จะเข้ารับการอบรมต้องมีทะเบียนเกษตรกร หรือหลักฐานแสดงพื้นที่ปลูกพืชที่มีความจำเป็นต้องใช้สารพาราควอตและไกลโฟเซต สำหรับกำจัดวัชพืชใน อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพดมันสำปะหลัง และไม้ผล และใช้คลอร์ไพริฟอสเพื่อกำจัดหนอนเจาะลำต้นใน ไม้ดอก พืชไร่ ไม้ผล ซึ่งต่อไปการซื้อสารทั้ง 3 ชนิดไปใช้เกษตรกรจะต้องซื้อจากร้านที่ได้รับอนุญาต แสดงหลักฐานผ่านการอบรม

พร้อมกับแสดงชนิดพืชที่ปลูก และพื้นที่ปลูก เพื่อกำหนดปริมาณวัตถุอันตรายที่จะซื้อได้ ส่วนผู้รับจ้างพ่นก็ต้องมีใบอนุญาตผ่านการอบรมแล้วเช่นเดียวกัน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๑๖ DIPROMพร้อมพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจกรรมพัฒนาผลิตภาพสำหรับธุรกิจเกษตรแปรรูปเป้าหมาย (พืชเศรษฐกิจและผลไม้) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
๑๕:๒๐ SPU จับมือ สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย MOU มุ่งพัฒนาทักษะนักศึกษาสู่ เจ้าของธุรกิจออนไลน์
๑๕:๒๓ เคทีซีแกร่งรับมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิต (PCI DSS) เป็นสถาบันการเงินรายแรกในเอเชีย แปซิฟิก จากสถาบันมาตรฐานอังกฤษ
๑๕:๔๖ HMD เปิดตัวสมาร์ทโฟนน้องใหม่ตระกูล HMD PULSE FAMILY มาตรฐานยุโรป ครั้งแรกในประเทศไทย กล้อง 50MP เคาะราคาเริ่มต้น 3,790
๑๕:๓๑ เสิร์ฟเมนูจานเด่นติดดาวจากแคว้นบาสก์ถึงมือคุณ ณ บาสก์ กริล (Basque Grill) ชั้น 54 ห้องอาหารอูโนมาส
๑๕:๓๘ แรงขั้นสุด x2 ที่ พีทีที สเตชั่น เติมน้ำมันเกรดพรีเมียม รับคูปองส่วนลด 100 บาท แถมฟรี ลิปตัน เลมอนซ่า!
๑๕:๐๒ 'True CJ' ผนึก 'Exit365' เปิดตัวรายการ 'Thailand Music Countdown Presented by PEPSI' เสริมทัพด้วย Spotify, PNR IFPI Thailand, LE Beyond และช่อง 3HD ปลุกชีพวงการเพลงไทยทุกสไตล์ ทุกแนว
๑๕:๒๑ กทม. เฝ้าระวัง-ประเมินความเสี่ยงต้นไม้ใหญ่หักโค่นจากพายุลมแรง
๑๕:๒๙ สร้างความชาญฉลาดและยืดหยุ่นในยุค AI เริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ที่แข็งแกร่ง
๑๕:๒๕ GC จับมือ บีไอจี ร่วมผลักดันเศรษฐกิจไฮโดรเจน ครั้งแรกในประเทศไทย