KTAM เปิด IPO กองทุน KT-EMEQ วันนี้ถึง 25 มิ.ย. เจาะตลาดเกิดใหม่เพิ่มทางเลือกสร้างผลตอบแทนระยะยาว

พฤหัส ๒๐ มิถุนายน ๒๐๑๙ ๑๑:๓๔
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนในการกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีในระยาวยาวเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดเคแทม อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-EMEQ) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 มิ.ย. 2562 ด้วยมูลเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

กองทุน KT-EMEQ เน้นลงทุนในกองทุนรวมวอนทาเบล ฟันด์ - เอ็มทีเอ็กซ์ ซัสเทนเนเบิ้ลอีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ ลีดเดอร์ส ฟันด์ ( Vontobel Fund – mtx Sustainable Emerging Markets Leaders Funds) บริหารโดยวอนทาเบล แอสเซท แมเนจเม้นท์ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนนี้ได้รับการจัดอันดับจาก Morning Star 5 ดาว (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพ.ค. 2562)

กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฟ้นหาหุ้นที่โดดเด่นที่สุด และมีความสามารถในการทำกำไรที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอุตสาหกรรมต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) รวมถึงหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และดำเนินกิจการอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

ทั้งนี้กองทุน KT-EMEQ มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวโดยผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 30 พ.ค. 2562 YTD ( 2 ม.ค.- 31 พ.ค. 62 ) อยู่ที่ 7.31 % ย้อนหลัง 3 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ 14% ต่อปี และย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 8.22% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดัชนีอ้างอิง โดยผลตอบแทนย้อนหลัง YTD อยู่ที่ 4.19 % ย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 10.28% ต่อปี และ ย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 2.16% ต่อปี

นางชวินดา มองงว่า หุ้นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets Equity) เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยช่วงที่เหลือของปีนี้ หุ้นตลาดเกิดใหม่ น่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนหลายประการ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับมามีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ขณะที่จีนและประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ตลอดจนความชัดเจนทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้งในหลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย อินเดีย ไทย เป็นต้น

ดังนั้นเมื่อตลาดมีการปรับรับกับปัจจัยดังกล่าวได้ คาดว่าเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัว และเป็นช่วงเวลาที่ดี เนื่องจากตลาดเกิดใหม่ถูกกดดันมานาน และราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ถูกมาก ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดเกิดใหม่มีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากประชากรในหลายๆ ประเทศ เช่น บราซิล อินเดีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น มีจำนวนประชากรอายุยังน้อยจำนวนมากต่อไปจะเติบโตเป็นวัยแรงงาน ดังนั้นการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจก็จะสูงขึ้น ชนชั้นกลางมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น

รวมทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่ยังต้องลงทุนอีกมากในอนาคตการลงทุนในสินทรัพย์ที่คาดว่าจะชนะเงินเฟ้อ น่าจะเป็นหุ้นในตลาดเกิดใหม่

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สำนักส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร โทร 0-2686-6206-7

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๗ ไทยพีบีเอสผนึกกำลัง สสส. ผลิต และเผยแพร่เนื้อหาส่งเสริมสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว
๑๗:๕๓ NPS ร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ประจำปี 2567
๑๗:๐๕ แพทย์แผนไทย มทร.ธัญบุรี แนะฤดูร้อนควรทานพืชผักที่มีฤทธิ์เย็นช่วยลดความร้อนในร่างกาย
๑๗:๓๒ แพรนด้า จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566
๑๗:๒๕ RBRU Herb Shot ขยายศักยภาพทางธุรกิจ รุกตลาดอินเดีย
๑๗:๔๘ ไฮเออร์ ประเทศไทย เดินเกมรุกไตรมาส 2 เปิดตัวตู้เย็นรุ่นใหม่ Multi-door HRF-MD679 ตั้งเป้าปี 67 ดันยอดขายตู้เย็นโต
๑๗:๐๕ เอ็น.ซี.ซี.ฯ ประกาศจัดงาน PET EXPO THAILAND 2024 ระดมสินค้า บริการ ลดหนักจัดเต็ม รับกระแส Petsumer ดันตลาดสัตว์เลี้ยงโตแรง
๑๗:๐๖ ธอส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.25% ต่อปี พร้อมส่งเสริมวินัยการออม ด้วย เงินฝากออมทรัพย์เก็บออม ดอกเบี้ยสูงถึง 1.95%
๑๗:๔๙ ManageEngine ลดความซับซ้อน ช่วยองค์กรจัดการต้นทุนบนคลาวด์ทั่วมัลติคลาวด์ได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับแพลตฟอร์ม Google Cloud
๑๗:๐๐ เปิดรับสมัครแล้ว HaadThip Fan Run 2024 แฟนรัน ฟันแลนด์ ดินแดนมหัศจรรย์ หาดสมิหลา จ.สงขลา