กูรูทิสโก้แนะจับตารัฐฯ แถลงนโยบาย คาดเร่งเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ปลุกกำลังซื้อ

พุธ ๑๗ กรกฎาคม ๒๐๑๙ ๐๙:๐๐
กูรูทิสโก้แนะจับตาแถลงนโยบาย คาดเดินหน้าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นก่อน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ หลังตัวเลขเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอตัว 4เดือนติด ชี้นักลงทุนยังไม่ให้น้ำหนักมาตรการหนุนเศรษฐกิจระยะยาวมากนัก เพราะต้องรอดูเสถียรภาพรัฐบาล

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Economic Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยลดลงต่อเนื่อง 4 เดือนมาอยู่ที่ระดับ 76.4 ในเดือนมิถุนายน ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี เพราะได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่หดตัวเพราะสงครามการค้า ภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอลงตามการลดลงของนักท่องเทียวจีน รวมถึงรายได้ภาคเกษตรซึ่งพลิกกลับมาหดตัว ด้านการบริโภคในประเทศนั้น แม้ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่ในอนาคตอาจจะปรับตัวลดลงได้ หากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดก่อนหมดลง และรัฐบาลชุดใหม่ไม่ดำเนินการต่อ

"ดัชนีการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับซื้อของในร้านธงฟ้าเป็น 500 บาทต่อเดือน จากเดิม 200 บาท ซึ่งมีผลในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน แต่หลังจากนั้นวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะลดลงกลับไปเหลือ200 บาทต่อเดือน ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลงมากในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป โดยหากพิจารณาเป็นรายสินค้า จะพบว่าการบริโภคในเดือนพฤษภาคมถูกขับเคลื่อนโดยสินค้าไม่คงทน ซึ่งได้รับผลบวกจากการเพิ่มวงเงินสวัสดิการ ในขณะที่การบริโภคสินค้าคงทน และกึ่งคงทน เช่น รถยนต์และเสื้อผ้านั้นแทบไม่ขยายตัว" นายคมศรกล่าว

ดังนั้น การแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 นี้ จึงมีความสำคัญในการสร้างความชัดเจนต่อนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นยังมีความจำเป็นในสถานการณ์ปัจจุบันที่การส่งออกและการท่องเที่ยงยังอ่อนแอตามเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้มองว่า นโยบายรัฐบาลน่าจะดำเนินการได้ทันที ได้แก่ 1. นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2. นโยบายพักหนี้เกษตรกร และ 3. นโยบายมารดาประชารัฐ เนื่องจากนโยบายเหล่านี้เป็นนโยบายต่อเนื่อง ง่ายต่อการดำเนินการ และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของครัวเรือน โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ส่วนนโยบายระยะยาว เช่น แผนการลงทุน และแผนปฏิรูปเศรษฐกิจต่างๆ นักลงทุนอาจยังไม่ให้น้ำหนักมากนัก เนื่องจากยังต้องประเมินเสถียรภาพของรัฐบาลประกอบด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน