บลจ.กสิกรไทย เปย์ปันผลกองหุ้นสหรัฐฯ – ยุโรป – ไทย กว่า 300 ล้าน ลูกค้าเฮรับพร้อมกัน 14 ส.ค.นี้

อังคาร ๑๓ สิงหาคม ๒๐๑๙ ๑๕:๒๘
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 4 กองทุน ซึ่งประกอบด้วยกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2562 ถึง 31 กรกฎาคม 2562 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561 ถึง 31 กรกฎาคม 2562 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย และกองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ถึง 31 กรกฎาคม 2562 ในอัตรา 0.41 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561 ถึง 31 กรกฎาคม 2562 ในอัตรา 0.18 บาทต่อหน่วย โดยทั้ง 4 กองทุนมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 14 สิงหาคม 2562 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 388.16 ล้านบาท

นายสุรเดชกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-USA ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ในกลุ่ม US Equity โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ และจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 4 ครั้ง ซึ่งนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี ส่วนกองทุน K-EUROPE ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว ในกลุ่ม Europe Equity โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่มีการเติบโตสูง (Growth stock) ทั้งนี้ สำหรับอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4 ไตรมาสย้อนหลัง (Dividend Yield) ของกองทุน K-USA อยู่ที่ 6.60% ต่อปี และกองทุน K-EUROPE 6.67% ต่อปี (ข้อมูลการจัดอันดับ Overall Rating จาก Morningstar ณ วันที่ 28 มิ.ย. 62)

ด้านกองทุนหุ้นไทยทั้งกองทุน K-VALUE และ RKF4 จะเน้นลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคงสูง และมีนโยบายจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้งเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีความแตกต่างกันที่มูลค่าเงินปันผล โดยกองทุน K-VALUE จะเน้นจ่ายปันผลในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ทั้งนี้ สำหรับอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4 ไตรมาสย้อนหลัง (Dividend Yield) ของกองทุน K-VALUE อยู่ที่ 5.86% ต่อปี และกองทุน RKF4 อยู่ที่ 2.40% ต่อปี

"บลจ.กสิกรไทย มองภาพรวมเศรษฐกิจว่ายังคงมีความผันผวน จากประเด็นที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ในขณะที่ธนาคารจีนตอบโต้โดยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าทะลุ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะโตต่ำกว่าคาด เนื่องจากคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะหดตัวลง และประเด็นสงครามการค้าที่น่าจะมีความยืดเยื้อ ด้านเศรษฐกิจยุโรปมีแรงหนุนจากการบริโภคในภูมิภาคที่ยังเติบโตดี ประกอบกับการที่ธนาคารกลางยุโรปยังคงรักษามาตรการผ่อนคลายทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามประเด็น Brexit ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะ No-Deal Brexit กดดันให้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงต่อเนื่อง

สำหรับตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นคาดว่าจะยังคงได้รับความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ส่วนในระยะยาวยังมีมุมมองเป็นบวก เนื่องจาก รัฐบาลไทยมีความชัดเจนในการสานต่อนโยบายโครงสร้างภาครัฐขนาดใหญ่และ EEC พร้อมทั้งเร่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามการตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยต่อไป" นายสุรเดชกล่าว

นายสุรเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า ภายใต้ความผันผวนของตลาดโลกในช่วงนี้ ผู้ลงทุนควรใช้หลักการลงทุนแบบ 4D เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน โดยผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง ควรปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปรวมกันไม่เกิน 10% ของพอร์ต อีกทั้งทยอยลงทุนหุ้นไทยในสัดส่วน 25% - 30% ของพอร์ต เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว

ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอป K-My Funds หรือสมัครบริการ K-Cyber Invest เพื่อดูผลการดำเนินงานของกองทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น และเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน K-My Funds, บริการ K-Cyber Invest, ธนาคารกสิกรไทย และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายหน่วยลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุน K-USA และ K-EUROPE ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 75% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง