สศก. ลุย 5 จังหวัด ศึกษาโซ่ความเย็นของสถาบันเกษตรกร 24 แห่ง

จันทร์ ๐๒ กันยายน ๒๐๑๙ ๑๓:๕๐
นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ระบบการบริหารจัดการโซ่ความเย็น (Cold Chain) ในสินค้าเกษตร เป็นระบบการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว การขนส่งการเก็บรักษา การกระจายสินค้า และการขายของสินค้า รวมถึงการใช้อุปกรณ์เครื่องมือ และการปฏิบัติเพื่อให้สินค้าคงความสดและมีคุณภาพให้ยาวนานที่สุด โดยมีเงื่อนไขที่สภาพของอุณหภูมิที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อการเก็บรักษาในแต่ละกระบวนการผลิต

สศก. ได้ศึกษารูปแบบและศักยภาพการบริหารจัดการโซ่ความเย็น (ColdChain)ของสถาบันเกษตรกรที่ทำธุรกิจรวบรวมผักและผลไม้ (เงาะ ทุเรียน มังคุด ขนุน ผักใบ และเห็ด) จำนวน 24 แห่ง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อนำไปสู่การจัดทำแนวทางการพัฒนาโซ่ความเย็น ของสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ โดยผลจากการศึกษา พบว่า

โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาโซ่ความเย็นผักผลไม้ มีสถาบันเกษตรกรที่มีจุดรวบรวมสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน GMP จำนวน 11 แห่ง ไม่ได้มาตรฐาน GMP จำนวน 8 แห่งและไม่มีจุดรวบรวม จำนวน 5 แห่ง ทั้งนี้ มีสถาบันเกษตรกรที่มีห้องเย็น (ห้องแช่เย็นและแช่แข็ง) จำนวน 7 แห่ง และไม่มีห้องเย็น จำนวน 17 แห่ง โดยมีสถาบันเกษตรกรเพียง 4 แห่งที่มีรถห้องเย็น ส่วนที่เหลือ จำนวน 20 แห่ง ไม่มีรถห้องเย็น

รูปแบบและวิธีการจัดการสินค้าแต่ละประเภท พบว่า ทุเรียนผลสด ขนุน มะม่วง ผักใบ เพื่อส่งออกไปยังตลาดในและนอกประเทศ สหกรณ์จะมีการควบคุมอุณหภูมิโดยหลีกเลี่ยงแสงแดด ประมาณ 25 °c ขณะที่ทุเรียนแกะเนื้อ มีการจัดเก็บผลผลิตเพื่อการแปรรูป ในห้องแช่เย็น/แช่แข็งที่มีอุณหภูมิประมาณ -70 ถึง 0 °c ส่วนมังคุดและเงาะ มีการลดความร้อนด้วยน้ำเย็น(น้ำผสมน้ำแข็ง) หรือ Hydro Cooling โดยนำตะกร้าผลผลิตไหลผ่านน้ำเย็นและเคลื่อนย้ายไปตามสายพาน อุณหภูมิประมาณ1 - 2 °c ขณะที่การส่งออกมะม่วง ใช้ห้องเย็นในอุณหภูมิประมาณ 10 °c และเห็ดใช้ห้องเย็นในอุณหภูมิประมาณ 15 °c

สำหรับตัวอย่างสถาบันเกษตรกร ที่มีการบริหารจัดการโซ่ความเย็นที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาคุณภาพและเพิ่มมูลค่าผลผลิตได้เป็นอย่างดี คือ สหกรณ์ท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรีซึ่งทำธุรกิจรวบรวมผลไม้หลายชนิด อาทิ ทุเรียน มังคุด มะม่วง สละ แก้วมังกร ลำไย ลองกอง โดยสหกรณ์ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ จำนวน 75 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างโรงงาน (30 ล้านบาท) และจัดซื้อเครื่องอบไอน้ำ (45 ล้านบาท) และมีห้องเย็นขนาดความจุ 1,080 ตัน เก็บรักษาผลผลิตได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งสหกรณ์เน้นยึดหลักการทำธุรกิจรวบรวมผลไม้ให้สามารถใช้ประโยชน์จากโรงอบไอน้ำและอาคารตัดแต่งผลไม้เพื่อการส่งออกและห้องเย็นให้คุ้มค่าต่อเนื่องตลอดปี อย่างไรก็ตาม แม้จังหวัดจันทบุรีไม่ได้เป็นแหล่งผลิตมะม่วงแต่มีการรับซื้อมะม่วงจากเครือข่ายเกษตรกรทั่วประเทศทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้ และนำมาเข้ากระบวนการตัดแต่งและคัดบรรจุ ให้ได้คุณภาพมาตรฐานเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีนส่งผลให้ราคามะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงดิบ (มะม่วงน้ำยำ) ในประเทศมีราคาดีขึ้น นอกจากนี้ สหกรณ์ได้ใช้ห้องเย็นผลิตทุเรียนแช่แข็งเพื่อส่งไปยังตลาดจีน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าทุเรียน และช่วยลดการสูญเสียและชะลอการเน่าเสียของทุเรียนให้กับสมาชิกอีกด้วย

รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า ภาพรวมสถาบันเกษตรกร ทั้ง 24 แห่ง เห็นว่าระบบโซ่ความเย็นมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากช่วยลดการสูญเสีย ชะลอการสุกของผลผลิต และรักษาคุณภาพผลผลิต เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ช่วยเพิ่มยอดขาย โดยหากเป็นห้องเย็นที่สามารถทำความเย็นได้มากถึง -70 จะสามารถเก็บรักษาผลผลิตได้นานถึง 3 ปี ซึ่งช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดในช่วงกระจุกตัวได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สถาบันเกษตรกร ยังมองว่าระบบโซ่ความเย็น ต้องใช้เงินลงทุนสูง และ ยังขาดทักษะความรู้ในการใช้ระบบโซ่ความเย็น ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐ ควรให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ เช่น สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้ในการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทักษะความรู้ในเรื่องการใช้โซ่ความเย็น ตลอดจนการสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบโซ่ความเย็นในสินค้าเกษตร เป็นต้น ในขณะที่ เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการจะต้องตระหนักและให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานควบคู่ไปกับสร้างเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง มีการร่วมมือและวางแผนการใช้งานห้องเย็นและรถห้องเย็นระหว่างสถาบันเกษตรด้วยกัน หรือระหว่างสถาบันเกษตรกรและเครือข่ายผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน

ทั้งนี้ ท่านที่สนใจข้อมูลด้านโซ่ความเย็นในสินค้าเกษตรและผลการศึกษาข้างต้น สามารถสอบถามได้ที่ ส่วนนโยบายและแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ด้านการเกษตร กองนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตร โทร. 0 2579 3757 โดยรายละเอียดผลการศึกษา ในครั้งนี้ สศก. จะนำเสนอต่อผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงาน/โครงการ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง สถาบันเกษตรกร (สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน) เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

\\\

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๐ เม.ย. COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๓๐ เม.ย. GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๓๐ เม.ย. PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๓๐ เม.ย. LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๓๐ เม.ย. ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๓๐ เม.ย. ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๓๐ เม.ย. LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๓๐ เม.ย. SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๓๐ เม.ย. STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๓๐ เม.ย. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน