พร้อมรับมือพายุ ! สจล. ชู 2 นวัตกรรมวิศวฯ รับมือสถานการณ์ “ไฟรั่ว – ดินสไลด์” แนะรัฐเฝ้าระวัง “เสถียรภาพคันดิน” เสี่ยงทรุดตัวเหตุฝนตกต่อเนื่อง

จันทร์ ๑๖ กันยายน ๒๐๑๙ ๐๙:๐๒
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ชู 2 นวัตกรรมวิศวฯ รับมือสถานการณ์ "กระแสไฟฟ้ารั่ว – ดินสไลด์" หลังไทยเผชิญพายุฝนต่อเนื่อง ได้แก่ "ไม้ตรวจวัดกระแสไฟฟ้ารั่ว" ไม้ตรวจกระแสไฟฟ้ารั่วบนผิวน้ำความแม่นยำสูงฉบับพกพา ที่มีตัวแสดงผลเป็นหลอดไฟ LED ลำโพง Buzzer ส่งสัญญาณไฟ และเสียงเตือนหากมีกระแสไฟรั่ว โดยสามารถตรวจวัดไฟฟ้ารั่วได้ล่วงหน้าก่อนถึงระยะอันตราย 2 เมตร "เครื่องมือวัดอัตราการไหลของน้ำในดิน" เครื่องมือวัดอัตราการคงค้างและอัตราการไหลของน้ำในดิน เพื่อประเมินความเสี่ยงของการพังทลายของคันดิน ภูเขาและเขื่อน ด้วยเซนเซอร์วัดความชื้น และเซนเซอร์วัดการไหลของน้ำในดิน มาพร้อมความสามารถในการวิเคราะห์เสถียรภาพของลาดดินได้อย่างแม่นยำ พร้อมแสดงผลในรูปแบบดิจิทัล ทั้งนี้ สจล. แนะภาครัฐหมั่นตรวจเช็ค "เสถียรภาพคันดิน" เหตุฝนตกต่อเนื่อง เมื่อน้ำฝนไหลซึมลงดินเป็นผลให้แรงดึงของน้ำในดินลดลงและเกิดการพังทลายของคันดิน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังภัยที่อาจกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในอนาคต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ สจล. เว็บไซต์ www.facebook.com/kmitlofficial, www.kmitl.ac.th และโทรศัพท์ 02-329-8111

นายดุสิต สุขสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า กระแสไฟฟ้ารั่ว ถือเป็นอีกหนึ่งอุบัติภัยที่แฝงมากับสถานการณ์น้ำท่วม นอกเหนือจากโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม โดยที่ผ่านมาได้เกิดเหตุกระแสไฟฟ้ารั่วช็อตชายหนุ่ม ขณะช่วยเพื่อนบ้านขนย้ายของหนีน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จนหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา สจล. ได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรม "ไม้ตรวจวัดกระแสไฟฟ้ารั่ว" ไม้ตรวจกระแสไฟฟ้ารั่วบนผิวน้ำความแม่นยำสูงฉบับพกพา ที่มีตัวแสดงผลเป็นหลอดไฟ LED และลำโพง Buzzer ส่งสัญญาณไฟ และเสียงเตือนหากมีกระแสไฟรั่ว โดยอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถตรวจวัดกระแสไฟฟ้ารั่วได้ ตั้งแต่ระดับที่มนุษย์ยังไม่สามารถรู้สึกได้ หรือประมาณ 2 เมตรล่วงหน้า ก่อนจุดที่จะมีกระแสไฟฟ้ารั่วซึ่งเป็นอันตรายแก่ร่างกาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก ทีมปฏิบัติการ และผู้เกี่ยวข้อง ให้สามารถดำเนินการค้นหาได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ดี บริเวณพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง ยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูง และมีความเสี่ยงของกระแสไฟฟ้ารั่วอย่างต่อเนื่อง สจล. จึงขอส่งกำลังใจแก่ครอบครัวผู้ประสบภัยและหน่วยงานกู้ภัยทุกท่าน ให้สามารถดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างปลอดภัย

ด้าน ดร.วิรุฬห์ คำชุม อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (สจล.) กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากอุบัติภัย "กระแสไฟฟ้ารั่ว" แล้ว การพังทลายของภูเขาตามธรรมชาติ หรือคันดินและเขื่อนดินที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะผลกระทบต่อชีวิตประชาชนและมูลค่าความเสียหายที่ตามมาในอนาคตย่อมประเมินไม่ได้ จากเหตุการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของไทย มีความสุ่มเสี่ยงต่อการพังทลายของคันคลองและเขื่อนดิน เพราะโดยปกติเสถียรภาพของคันดินจะเกิดจาก (1) แรงเสียดทานของเม็ดดิน และ (2) แรงดึงของน้ำในดินเหนือระดับน้ำใต้ดิน เมื่อเกิดพายุฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง น้ำฝนจะไหลซึมลงดิน ทำให้แรงดึงของน้ำในดินลดลงและเกิดการพังทลายของคันดินได้ โดยส่วนใหญ่มักเกิดที่ระยะ 1 – 2 เมตรจากผิวดิน จะเห็นได้ว่าแรงดึงของน้ำในดินและอัตราการไหลของน้ำฝนลงดินมีส่วนสำคัญต่อการวิเคราะห์เสถียรภาพและมีประโยชน์ต่อการเตือนภัยดินถล่ม

ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. จึงเล็งเห็นความสำคัญของการวัดอัตราการไหลของน้ำในดินนี้ และได้พัฒนา "เครื่องวัดอัตราการไหลของน้ำในดิน" กระบวนการตรวจวัดรูปแบบใหม่เพื่อใช้ประกอบการประเมินเสถียรภาพ หรือการเตือนภัยการพังทลายของคันดิน โดยนวัตกรรมดังกล่าวมีการประยุกต์ใช้เครื่องมือตรวจวัดสองชนิด คือ เครื่องมือตรวจวัดความชื้น และเครื่องมือตรวจวัดแรงดึงน้ำในดิน พร้อมบันทึกผลในรูปแบบดิจิทัล ทั้งนี้ ผลที่ได้จะเป็นพฤติกรรมจริงของการไหลของน้ำฝนลงดิน และแรงดึงน้ำในดินที่เปลี่ยนไปบริเวณเหนือระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งสามารถบอกได้ว่า เขื่อนดินหรือลาดดินริมถนนตอนฝนตก จะมีเสถียรภาพที่ลดลงกี่เปอร์เซ็นต์ได้อย่างแม่นยำขึ้น ซึ่งแตกต่างจากนวัตกรรมนำเข้า ที่ใช้เวลานานในการวัดอัตราการไหลในสภาวะของดินอิ่มน้ำ (ดินที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำใต้ดิน) อีกทั้งไม่สามารถพิจารณาการไหลของน้ำฝนลงดิน และแรงดึงน้ำในดินที่เปลี่ยนไปตามความเป็นจริงบริเวณเหนือระดับน้ำใต้ดินได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการประเมินเสถียรภาพหรือการเตือนภัยการพังทลายของคันดิน

นอกจากนี้ นวัตกรรมดังกล่าวยังสามารถปรับใช้สำหรับการไหลของสารปนเปื้อนในดินจากโรงงานหรือจากหลุมขยะฝังกลบสำหรับงานด้านสิ่งแวดล้อม และงานวิศวกรรมอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ "เครื่องวัดอัตราการไหลของน้ำในดิน" อยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตร และเตรียมพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์เป็นลำดับต่อไป โดยมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 35,000 บาท ครอบคลุมเครื่องมือและอุปกรณ์เก็บข้อมูลต่อชุด ดร.วิรุฬห์ กล่าวสรุป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารงานทั่วไปและประชาสัมพันธ์ สจล. เว็บไซต์ www.facebook.com/kmitlofficial, www.kmitl.ac.th และโทรศัพท์ 02-329-8111

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง