และในเทศกาลกินเจปีนี้ คุณมุ่ย สลิลาพร กองทองมณีโรจน์ ในฐานะกูรูด้านสมุนไพรและสุขภาพ จึงมีคำแนะนำดีๆ ในการเลือกทานอาหารเจให้ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพมาฝากกันค่ะ
ลดคาร์โบไฮเดรตและไขมัน เนื่องจากอาหารเจส่วนใหญ่จะใช้แป้งเป็นส่วนประกอบหลัก อีกทั้งมักใช้วิธีการผัดและทอด ซึ่งต้องใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร ทำให้เราอาจได้รับคาร์โบไฮเดรตและไขมันเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน หรือโรคอ้วนได้ง่าย ทางที่ดีเราจึงควรลดปริมาณการทานแป้งและไขมันให้น้อยลง เลือกทานผักผลไม้ให้มากขึ้น เพราะมีกากใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย รวมทั้งเลือกประกอบอาหารด้วยวิธีการต้มหรือนึ่ง เพราะจะมีไขมันในปริมาณที่น้อยกว่า
ละเว้นอาหารหมักดอง ในอาหารเจบางชนิด อาทิ ผักกาดดอง ต้มจับฉ่าย หรือหน่อไม้ดองจะมีส่วนประกอบของเกลือโซเดียมในปริมาณสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง และโรคไต ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีส่วนผสมของวัตถุกันเสียและสารปนเปื้อนต่าง ๆ เพื่อช่วยยืดอายุของอาหาร ซึ่งสารเหล่านี้อาจสะสมตกค้างในร่างกายและก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
เลี่ยงผักตระกูลกะหล่ำ ในผักบางชนิด อาทิ กะหล่ำปลี บร็อคโคลี และกะหล่ำดอก ล้วนมีคาร์โบไฮเดรตที่เรียกว่า แรฟฟิโนส (Raffinose) ประกอบด้วยน้ำตาล 3 ชนิดคือ ฟรุกโทส กลูโคส และกาแลคโทส ซึ่งร่างกายจะไม่สามารถย่อยในระบบทางเดินอาหารได้ กว่าผักเหล่านี้จะถูกลำเลียงไปยังลำไส้ใหญ่ จึงอาจเกิดการหมักหมมจนกลายเป็นแก๊ส และเกิดอาการท้องอืดได้ง่าย เราจึงไม่ควรทานในปริมาณมาก ๆ หรือควรปรุงให้สุกก่อน
เลือกดื่มน้ำสมุนไพรทางเลือกใหม่ อย่างที่เราทราบกันดีว่า อาหารเจมักมีแป้งและไขมันสูงซึ่งเมื่อร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานไม่หมด ย่อมทำให้เกิดไขมันสะสม ดังนั้นการเลือกดื่มน้ำสมุนไพร จึงนับเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพ อาทิ น้ำสมุนไพรตรีผลา เพราะมีส่วนผสมของสมุนไพร 3 ชนิดได้แก่ มะขามป้อม, สมอไทย และสมอพิเภก ที่จะช่วยปรับสมดุลร่างกาย ลดคอเลสเตอรอล บรรเทาอาการท้องอืด และกระตุ้นระบบการขับถ่าย
โดยแนะนำให้เลือกน้ำสมุนไพรตรีผลาที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไม่เจือสี หรือกลิ่นสังเคราะห์ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองคุณภาพจากคณะกรรมการอาหารและยาของไทย (อย.) จึงมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย