แควนตัสกรุ๊ปห่วงใยสิ่งแวดล้อมวางแผนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศให้เป็นศูนย์

อังคาร ๑๒ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๑๑:๐๐
ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมการบิน แควนตัสกรุ๊ปเตรียมหยุดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในชั้นบรรยากาศให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้แควนตัสกรุ๊ปจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินที่ทดแทนการปล่อยของเสียในชั้นบรรยากาศขึ้นอีกเท่าตัว เดินหน้าลดการปล่อยของเสียสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี `2563 เป็นต้นไป และลงทุนด้วยเม็ดเงิน 1,039,592 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการบินตลอดระยะเวลา 10 ปีจากนี้

จากการประกาศในวันนี้ แควนตัสกรุ๊ปเป็นสายการบินเพียงกรุ๊ปเดียวที่มุ่งมั่นลดการปล่อยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในชั้นบรรยากาศแบบสุทธิในปี 2563 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศให้เป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งความมุ่งมั่นนี้จะเป็นแรงผลักดันให้สายการบินต่างๆ ทั่วโลกได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ทั้งนี้สายการบินแควนตัส สายการบินเจ๊ทสตาร์ (เจ๊ทสตาร์ออสเตรเลียและเจ๊ทสตาร์นิวซีแลนด์) แควนตัสลิ้งค์ และแควนตัสเฟรท จะลดการปล่อยคาร์บอนในชั้นบรรยากาศสำหรับเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศและเส้นทางบินต่างประเทศเริ่มปี 2563 เป็นต้นไป รวมถึงการลดการปล่อยของเสียเมื่อโครงการซันไร้ซ์สำหรับเที่ยวบินตรงของสายการบินแควนตัสจากชายฝั่งตะวันออกของประเทศออสเตรเลียไปกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มขึ้น นอกจากนั้นจะขยายไปยังเที่ยวบินภายในประเทศที่มีอัตราการเติบโตในตลาดหลักๆ อย่างเช่นเมลเบิร์น-ซิดนีย์ ด้วย

สำหรับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศจากอุตสาหกรรมการบินในปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 2 ของก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศทั้งหมดทั่วโลก อุตสาหกรรมการบินมุ่งมั่นลดการปล่อยคาร์บอนลดครึ่งหนึ่งในปี 2593 เมื่อเทียบกับระดับก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศในปี 2548 อีกทั้งยังเป็นธุรกิจแรกที่มุ่งมั่นร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม โดยในการนี้แควนตัสกรุ๊ปจะทำงานร่วมกับภาคการบินต่างๆ สถาบันวิจัย และหน่วยงานภาครัฐในการพัฒนาหาแนวทางเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคอุตสาหกรรมการบินในระยะยาวตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษข้างหน้า

ปัจจุบันแควนตัสกรุ๊ปดำเนินโครงการการทดแทนคาร์บอนที่นับว่าใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน โดยมีผู้โดยสารราวร้อยละ 10 ที่จองตั๋วโดยสารทางเว็บไซต์ Qantas.com และสนับสนุนโครงการ และเริ่มตั้งแต่วันนี้ทั้งสายการบินแควนตัสและสายการบินเจ๊ทสตาร์จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัวสำหรับผู้โดยสารที่ทำเครื่องหมายในช่องบินคาร์บอนเป็นกลาง (fly carbon neutral) ซึ่งคาดว่าจะมีผู้โดยสารที่เห็นพ้องกับแนวคิดนี้ในการทดแทนการปล่อยของเสียสู่ชั้นบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น

การลงทุนเพิ่มครั้งนี้จะทำให้เห็นสิ่งที่แควนตัสกรุ๊ปได้ทำ (https://www.qantasfutureplanet.com.au/) ในการมีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการอนุรักษ์และสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในประเทศออสเตรเลียและทั่วโลก รวมถึงโครงการป้องกันปะการังที่เกรท แบริเออร์ รีฟ การทำงานร่วมกับชุมชาวชาวพื้นเมืองในการลดไฟป่าในรัฐออสเตรเลียตะวันตกที่สามารถรักษาผืนป่าทัสมาเนียแบบดั้งเดิมได้กว่า 4,375 ไร่ (700 เฮกเตอร์)

ตลอด 10 ปี จากนี้ไป แควนตัสกรุ๊ปจะลงทุน 1,039,592 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) พัฒนาเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการบินที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงแบบเดิม อย่างไรก็ตามยังมีราคาสูงกว่าเกือบสองเท่า ทั้งนี้แควนตัสกรุ๊ปจะทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนการพัฒนาน้ำมันแบบยั่งยืนที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินในออสเตรเลียและต่างประเทศเพื่อให้เกิดให้เป็นจริงได้ และเพิ่มปริมาณความต้องการในอุตสาหกรรมการบิน

นอกจากนั้นสายการบินแควนตัสจะลดการปล่อยปริมาณของเสียในชั้นบรรยากาศด้วยการเดินหน้าลงทุนเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพด้านการเผาผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้น การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การใช้เครื่องยนต์เดี่ยวขณะเครื่องบินแท๊กซี่ (วิ่ง) ภายในลานบิน การวางแผนตารางบินอย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นเพื่อลดการเผาผลาญเชื้อเพลิง และมีแผนเปลี่ยนเครื่องบินโบอิ้ง 747 ให้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง B787 ดรีมไลเนอร์ที่มีประสิทธิภาพด้านการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ดีมากยิ่งขึ้นภายในสิ้นปี 2563 โดยสามารถลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ดีกว่าเครื่องบินรุ่นที่มีขนาดเล็กกว่าได้มากถึงร้อยละ 20 ส่วนในปีหน้าสายการบินเจ๊ทสตาร์ก็จะรับการส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส A321neo (LR) ที่สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ร้อยละ 15

แควนตัสกรุ๊ปยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับผู้ผลิตเครื่องบินและเครื่องยนต์สำหรับเทคโนโลยีในอนาคตที่จะช่วยลดการปล่อยปริมาณของเสีย อย่างไรก็ตามนวัตกรรมต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ไฟฟ้าสำหรับเครื่องบินยังเป็นสิ่งไกลตัว ณ เวลานี้

ทางด้าน มร.อลัน จอยส์ ประธานกรรมการบริหารแควนตัสกรุ๊ป เผยว่า "ความมุ่งมั่นเหล่านี้จะช่วยให้แควนตัสเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการบินที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ เราตระหนักดีว่าสายการบินต่างๆ ต่างรับผิดชอบในการลดการปล่อยของเสียสู่ชั้นบรรยากาศและพยายามต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งเราเองได้เดินหน้าไปอย่างมากแล้วโดยเฉพาะการลงทุนเครื่องบินใหม่ที่ช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (carbon footprint) หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา เราต้องการทำมากกว่านี้และเร็วขึ้นกว่านี้ และในวันนี้เราได้เริ่มโครงการด้วยการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินที่ทดแทนการปล่อยของเสียในชั้นบรรยากาศขึ้นอีกเท่าตัว และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป ทั้งสายการบินแควนตัส และสายการบินเจ๊ทสตาร์จะเดินหน้าลดการปล่อยของเสียสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง แควนตัสกรุ๊ปชดเชยความต้องการด้านการเดินทางของตนเองและทำหลากหลายสิ่งเพื่อลูกค้า และจากการประกาศในวันนี้ เราหวังว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นผู้คนให้หันมาเอาใจใส่และสร้างสรรค์โปรแกรมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นเป้าหมายในระยะยาวในการส่งเสริมให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้เป็นศูนย์ในปี 2593 ที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้"

"นวัตกรรมจะเป็นปัจจัยหลัก ซี่งเราลงทุนด้วยงบประมาณ 1,039,592 ล้านบาท (50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย) ด้วยความหวังว่าจะเป็นการริเริ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในธุรกิจการบินในออสเตรเลีย เราตระหนักดีจากการทดลองของเราเองว่าเทคโนโลยีสามารถทำได้แต่เราต้องดูเรื่องขนาดกำลังการผลิตที่เหมาะสมที่สามารถนำมาทดแทนที่ได้ และมีข้อกังวลเกี่ยวกับของเสียและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามความเป็นจริง อย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถละเลยในการเดินทางโดยสารโดยเครื่องบินที่มีต่อภาคสังคมและเศรษฐกิจได้ อุตสาหกรรมการบินเดินหน้าไปมากแล้วและหนทางแก้ไขไม่ใช่การทำง่ายๆ แค่เดินทางโดยเครื่องบินให้น้อยลง แต่เราควรหาแนวทางให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้นต่างหาก"

"เราทำเพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยกระตุ้นผู้โดยสารให้หันมาใช้บริการสายการบินแควนตัส และสายการบินเจ๊ทสตาร์ อันสืบเนื่องจากสิ่งที่เราทำ" มร.จอยส์ กล่าวเพิ่มเติม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑:๑๕ TRP คว้ารางวัลเกียรติยศ Siamrath Awards 2024 ตอกย้ำ ผู้นำศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้าของประเทศไทย
๑๑:๔๖ ผถห.PIMO-ไพโม่ อนุมัติปันผลงวดครึ่งหลังปี 66 หุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น
๑๑:๑๘ การประชุมเตรียมงาน10 รอบ นักษัตรพระราชสมภพ
๑๑:๐๓ ผู้บริหารบางจากฯ แบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เชิญชวนช่วยกัน ลด ละ เริ่ม เพื่อโลกยั่งยืน ในงานสัมมนา Go Green 2024 : The Ambition of
๑๐:๑๔ 1 พ.ค. นี้ เตรียมพบกับฟิตเนสแห่งใหม่ ใจกลางศรีนครินทร์ กับบริการครบครัน ใกล้บ้านคุณ BB FITNESS@พาราไดซ์
๑๐:๑๐ HUAWEI Band 9 จับมือ 3 แพลตฟอร์ม Amado Shopping ช่องทางออนไลน์ Lazada และ Shopee ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ด้วยราคาสมาร์ทแบนด์
๑๐:๔๙ ห้องอาหาร นิมมาน บาร์ แอนด์ กริล พร้อมเสิร์ฟความอร่อยแบบจัดเต็มกับ เทศกาลบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น สุดพิเศษ และ บุฟเฟ่ต์ Carvery Night
๑๐:๓๔ TSPCA จัดประชุมสามัญประจำปี 2567 เตรียมความพร้อมสู่สามทศวรรษสวัสดิภาพสัตว์เพื่อก่อเกิด สวัสดิภาพคน
๑๐:๓๒ พด. มุ่งพัฒนาศักยภาพดินในพื้นที่ปลูกพืช GI เสริมศักยภาพเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
๑๐:๐๔ ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ มอบของบริจาค พร้อมเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านมหาเมฆ