พริกใหญ่พันธุ์ใหม่เผ็ดน้อย เข้าทางโรงงานผลิตซอสพริก

พุธ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๑๑:๑๒
กรมวิชาการเกษตร ปรับปรุงพันธุ์พริกใหญ่ได้พันธุ์ใหม่ "พิจิตร 2" คุณสมบัติเข้าทางโรงงานผลิตซอสพริก ผลใหญ่ เรียว ยาว เนื้อหนา สีแดงเข้ม เผ็ดน้อย เกษตรกรถูกใจต้นสูงเก็บเกี่ยวง่าย แถมเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกรุ่นต่อไปได้แทนการซื้อใหม่ทุกปี

นางสาวเสริมสุข สลักเพ็ชร์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า พริกใหญ่เป็นวัตถุดิบในการผลิตซอสพริกซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีพริกเป็นส่วนประกอบที่มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 2 พันล้านบาท และมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างไรก็ตามแม้พริกใหญ่จะเป็นพริกที่ตลาดมีความต้องการในปริมาณมากเพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบการผลิตซอสพริก แต่ที่ผ่านมายังขาดการพัฒนาพันธุ์พริกใหญ่ให้มีปริมาณและคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะพริกใหญ่ที่มีรสชาติเผ็ดน้อยซึ่งเป็นพริกที่โรงงานผลิตซอสพริกมีความต้องการผลผลิตเป็นจำนวนมาก

ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพิจิตร กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์พริกใหญ่เพื่อให้ได้พันธุ์ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่โรงงานผลิตซอสพริกต้องการ คือ ผลสุกมีสีแดงเข้ม เนื้อหนา ผลมีขนาดใหญ่ ยาว และรสชาติเผ็ดน้อย โดยการปรับปรุงพันธุ์พริกใหญ่เริ่มดำเนินการผสมข้ามพันธุ์ในปี 2540 การคัดเลือกพันธุ์ การเปรียบเทียบพันธุ์กับพันธุ์พริกพื้นเมืองและพันธุ์การค้า และการทดสอบพันธุ์ทั้งในแหล่งปลูกภายในศูนย์วิจัยของกรมวิชาการเกษตรและแปลงเกษตรกรหลายจังหวัดที่เป็นแหล่งที่เหมาะสมกับการปลูกพริกเพื่อทำซอสพริก

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การปรับปรุงพันธุ์พริกใหญ่ประสบความสำเร็จและผ่านการพิจารณาเป็นพันธุ์แนะนำของกรมวิชาการเกษตรในปี 2562 ใช้ชื่อว่า "พริกใหญ่พันธุ์พิจิตร 2" ซึ่งมีลักษะเด่น คือ ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองของเกษตรกรทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน โดยในฤดูแล้งให้ผลผลิต 3,675 กิโลกรัม/ไร่ ฤดูฝนให้ผลผลิต 1,465 กิโลกรัม/ไร่ มีต้นสูง 78 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าพันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์การค้าทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว ที่สำคัญผลมีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด คือ มีขนาดใหญ่เรียวยาว ยาว 11.7 เซนติเมตร เนื้อหนาเฉลี่ย 1.95 มิลลิเมตร มีผลยาวกว่าพริกพันธุ์อื่นๆ ผลมีสีแดงเข้มและเผ็ดน้อย โดยมีความเผ็ด 26,800 สโควิลล์ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปผลิตเป็นซอสพริกตรงกับความต้องการของโรงงาน

พริกใหญ่พันธุ์พิจิตร 2 เป็นพันธุ์ที่มีความทนทานต่อสภาพน้ำขัง และสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งยังเป็นพันธุ์ผสมเปิดทำให้เกษตรกรสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์เพื่อใช้ปลูกในรุ่นต่อไปได้แทนการใช้พันธุ์ลูกผสมที่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกปี ซึ่งราคาเมล็ดพันธุ์ลูกผสมที่เกษตรกรซื้อในปัจจุบันจะมีราคาประมาณ 37,500 บาทต่อกิโลกรัม โดยเกษตรกรจะใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณ 30-40 กรัมต่อไร่ จากการประเมินความพึงพอใจของเกษตรกรในจังหวัดนครสวรรค์ สุโขทัย แพร่ และ อุทัยธานี พบว่าเกษตรกรมีความพอใจพริกพันธุ์ใหญ่พิจิตร 2 มากที่สุดในด้านความสูงของต้นที่ทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยว และความทนทานต่อความแปรปรวนของสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะเมื่อฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์พริกใหญ่พิจิตร 2 ได้ปีละ 10 กิโลกรัม/ปี ซึ่งเพียงพอสำหรับพื้นที่ปลูกจำนวน 300 ไร่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง