“โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู” ของจริง!!! รัฐบาลเมียนมาประทับตรารับรองการซื้อขายไฟ อย่างเป็นทางการแล้ว

อังคาร ๑๙ พฤศจิกายน ๒๐๑๙ ๐๙:๕๑
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา (พม่า) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ (MW) เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดยได้รับประทับตราลงนามรับรองการซื้อขายไฟฟ้า จากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมา (Ministry of Electricity and Energy : MOEE) อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนทั้งสาม SCN-ECF-METAและผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการมินบูมีความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่ก่อนหน้านี้ได้รับเกียรติจาก นาง อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา เป็นประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ

นายออง ทีฮา ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ("GEPT") และกรรมการบริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า"โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาซึ่งโครงการจะรับรู้รายได้ตั้งแต่วันที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ในอัตราค่าไฟที่ 0.1275 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงโครงการโรงไฟฟ้ามินบูเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของเมียนมาที่ได้รับการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับสากล โดยเป็นโครงการที่ริเริ่มและลงทุนโดยกลุ่มนักลงทุนคนไทย ที่เข้ามาศึกษาถึงความเป็นไปได้และโอกาสในการเข้ามีส่วนร่วมพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญให้แก่ประเทศเมียนมา ซึ่งยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกมาก จึงเป็นที่มาของการได้เข้าก่อสร้างดูแลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ที่ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise ("EPGE") ภายใต้การดูแลของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน Ministry of Electricity and Energy ("MOEE") เป็นระยะเวลา 30 ปี โครงการโรงไฟฟ้ามินบูมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 220 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งออกเป็น 4 เฟส ซึ่ง 3 เฟสแรกจะมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งเฟสละ 50 MW และ 70 MW สำหรับเฟสสุดท้าย

ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้ามินบูมีผู้ร่วมลงทุนหลักคือ บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) ถือหุ้น 30%, บมจ.เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ถือหุ้น 12%, บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ถือหุ้น 20% และ Noble Planet Pte. Ltd. (NP) ถือหุ้น 38% ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุมัติให้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และทำโครงการนี้จนประสบความสำเร็จ

นายออง ทีฮา กล่าวเสริมอีกว่า "ขอขอบคุณคณะกรรมการและทีมงานของบริษัททุกคน รวมถึงผู้ร่วมลงทุนหลักของโครงการนั่นคือ SCN, ECF, และ META ที่มีศักยภาพแข็งแกร่งผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาโครงการและฝ่าฟันอุปสรรคอีกมากมายจนทำให้โครงการโรงไฟฟ้ามินบูเฟส 1 ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายแรกไปได้ด้วยดี อีกทั้งโครงการยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางโครงการยังได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ และผู้สนับสนุนทางการเงินอย่างธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Export–Import Bank of Thailand) และที่สำคัญที่สุดต้องขอขอบคุณรัฐบาลเมียนมา กระทรวงไฟฟ้าและพลังงานที่ไว้ใจ สนับสนุน และให้โอกาสในการมีส่วนร่วมพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่ให้ประโยชน์แก่ประชาชนจำนวนมาก ทั้งนี้เราจะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการต่อไปให้สำเร็จทั้ง 4 เฟสโดยเร็วที่สุด และไม่หยุดที่จะมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต"

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก กล่าวว่า "รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นกำลังหลักที่สำคัญในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู จนประสบความสำเร็จและได้เริ่ม COD อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ โดยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้ามาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และถือเป็นความภาคภูมิใจของทั้งชาวเมียนมาและพันธมิตรทางธุรกิจทุกคน ซึ่งเป็นโครงการที่บุกเบิกการพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมา และพร้อมที่จะนำประเทศเมียนมาไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้บริษัทฯมีสัดส่วนการลงทุนในโครงการร้อยละ 30 โดยมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 292 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 4/2562 นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายตัวทางด้านธุรกิจพลังงานในประเทศจึงได้เข้าไปศึกษาและลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป (สำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนหรือ Private PPA) ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยโดยมีส่วนลดค่าไฟฟ้าเมื่อเทียบกับค่าไฟฐานโดยลงทุนในบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) คาดว่าปลายปี 2562 นี้จะมีสัญญา Private PPA รวมกว่า 10 MW ซึ่งตั้งเป้าถึงปี 2565 บริษัทจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในสัญญา Private PPA รวมทั้งสิ้นกว่า 110 MW คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันอาทิ ภาคธุรกิจโรงแรม, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ECF กล่าวว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ ที่เมืองมินบู ประเทศเมียนมา โดย ECF ถือหุ้นในสัดส่วน 20% ทั้งนี้เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ทาง EPGE จึงได้ออกหนังสือแจ้งเริ่มวันที่จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) สำหรับ Phase 1 ซึ่งมีขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ พร้อมเริ่มรับรู้รายได้และเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2562 โดยบริษัทจะทยอยรับรู้กำไรส่วนแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งหากดำเนินการก่อสร้างครบทั้ง 4 เฟสแล้ว คาดว่า จะสามารถรับรู้กำไรส่วนแบ่งของโครงการไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของรายได้ค่าไฟฟ้า หรือคิดเป็นมูลค่กว่า 60 – 70 ล้านบาทต่อปี สำหรับเฟสที่ 2 3 และ 4 อยู่ระหว่างการปรับแผนงานเพื่อหาทางเร่งการก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างเฟส 2 ในช่วงต้นปี 2563

นายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือMETA ผู้นำทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กล่าวว่า "ในนามของผู้รับเหมาและผู้พัฒนาหลักโครงการโรงไฟฟ้ามินบูนั้น รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่โครงการมินบูได้ดำเนินการจำหน่ายไฟอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟจากวันดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้น 12% โดยโครงการโรงไฟฟ้ามินบูสามารถสร้างรายได้เป็นมูลค่าประมาณ 84.4 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี2562 และคิดเป็นมูลค่าประมาณ 418.8 ล้านบาท สำหรับ ปี 2563" นายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ยังกล่าวเสริมว่า "เราได้สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ให้กับประชาชนชาวเมียนมาและจะไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับเฟสถัดๆ ไป นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจด้านงานก่อสร้างที่เป็นรายได้หลักของบริษัทให้เติบโตยิ่งขึ้น ทั้งในเมียนมาเองและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อย่างประเทศฟิลิบปินส์และญี่ปุ่น เป็นต้น สุดท้ายนี้สิ่งที่ภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งนั่นคือปัจจุบันโรงงานไฟฟ้ามินบูได้ผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่าที่คำนวณไว้ หากแสงแดดและประสิทธิภาพของโรงงานดีไปเรื่อยๆ จะทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้มากขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่เกิน 105% ของที่ผลิตได้ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise ("EPGE")".

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้