แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัว และSupply คอนโดจะมีจำนวนมาก ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายชะลอการเปิดโครงการ ซึ่งถือว่ากลุ่มผู้ประกอบเหล่านี้คือลูกค้าคนสำคัญของบริษัทฯ แต่ PREB ก็ยังสามารถทำกำไรได้ถึง 210 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และถึงแม้ว่าผลประกอบการจะไม่มากเท่า 2 ปีที่ผ่านมา ที่ตลาดอสังหาฯกำลังเติบโต แต่เมื่อพิจารณาถึงอัตรากำไรต่อหุ้นในช่วง 9 เดือนที่มีถึง 0.68 บาทต่อหุ้น พบว่าเป็นอัตรากำไรที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับหลายบริษัทฯ ซึ่งผู้บริหาร PREB คุณวิโรจน์ เจริญตราเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า รูปแบบของโครงสร้างของ PREB จะประกอบไปด้วยส่วนงานที่สร้างกำไรอย่างมั่นคงและมีเงินสดเพียงพอสำหรับจ่ายเงินปันผล กับ ส่วนงานที่มีการเติบโตที่มีการเข้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพเพื่อสร้างผลกำไร และการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเห็นได้ว่า PREB พยายามที่จะเป็นอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้จริง โครงการที่ PREB ได้เริ่มลงทุนไว้โครงการแรกคือ Quinto ที่มียอดขายแล้วกว่าร้อยละ90 กำลังอยู่ในระหว่างการโอน และส่งผลดีมายังงบการเงินรวมแล้วในไตรมาสนี้ ในขณะที่ส่วนงานรับเหมาก่อสร้างและส่วนงานผลิตแผ่นสำเร็จฯ ก็ยังสามารถทำกำไรได้ ซึ่งการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลนี้ช่วยตอกย้ำนโยบายการเป็นบริษัทฯ ที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอที่ PREB พยายามสื่อถึงตลาดมาโดยตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ PREB ยังไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา PREB ได้รับการปรับ CG Score จาก 4 ดาวเป็น 5 ดาว หรือการเป็นบริษัทที่มี CG ในระดับ Excellent ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในขณะที่ PREB ดำเนินกิจการโดยพยายามให้บริษัทฯ มีผลตอบแทนอยู่ในระดับดีอย่างสม่ำเสมอ PREB ก็ไม่ลืมที่จะสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความโปร่งใส และ ใส่ใจกับการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สนใจในบริษัทฯ คุณวิโรจน์ เจริญตรา ให้สัมภาษณ์กับเราตลอดเวลาว่า การทำงานอย่างตรงไปตรงมา และ รักษาคุณภาพของงาน รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ลงทุนอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่บริษัทฯ ยึดมั่นและให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเชื่อว่าจะมีนักลงทุนเห็นถึงความตั้งใจนี้
สำหรับไตรมาส 4 ปีนี้ คาดการณ์ว่าโครงการ Quinto ที่มีการลงทุนไปถึง 49% น่าจะส่งผลกำไรมายังงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ส่วนธุรกิจผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูปก็ยังสามารถผลิตและส่งของให้ลูกค้าได้ตามที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าน่าจะสามารถสร้างผลกำไรได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงกฏหมายแรงงานซึ่งได้บันทึกไปแล้วในไตรมาส 2 ก็ตาม ซึ่งเมื่อรวมกับผลประกอบการของส่วนรับเหมาก่อสร้างที่มียอดงานคงเหลือในมือถึง 9.5 พันล้านบาท ผลการดำเนินงานรวมในไตรมาสที่ 4 นี้น่าจะแสดงผลการดำเนินงานได้ตรงกับประมาณการที่คาดการณ์ไว้