“อภิชัย เตชะอุบล”ชี้มาตรการรัฐกระตุ้นภาคอสังหาฯ เกาไม่ถูกที่คัน บ้านดีมีดาวน์- ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนอง” มุ่งกระตุ้นฐานล่างกำลังซื้ออ่อนแรง แนะให้เจาะกลุ่มราคาเกิน 3 ลบ. กำลังซื้อยังแกร่ง

จันทร์ ๐๒ ธันวาคม ๒๐๑๙ ๐๘:๓๐
"อภิชัย เตชะอุบล" แจงมาตรการรัฐกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งท้ายปี 62 ของรัฐบาล "บ้านดีมีดาวน์-ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01%" เกาไม่ถูกที่คัน เหตุพุ่งเป้ากระตุ้นกลุ่มฐานล่างกำลังซื้ออ่อนแรงรับผลพวงจากเศรษฐกิจชะลอตัว เสนอรัฐให้ออกมาตรการกระตุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป เหตุมียอดค้างสต็อกรวมกว่า 1.5 แสนยูนิต หากเร่งระบายสต๊อกที่มีอยู่เชื่อจะสร้างเงินหมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK ผู้ประกอบการรายใหญ่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งท้ายปี 2562 ของรัฐบาล คือ โครงการ "บ้านดีมีดาวน์" เพื่อลดภาระการผ่อนดาวน์ จำนวน 50,000 บาทต่อราย ให้กับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน กับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนจากเดิม 2% เหลือ 0.01% และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% ทั้งนี้เฉพาะการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินหรือห้องชุด ในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท แม้ว่า ภาครัฐจะออกมาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในภาวะที่มีการคาดการณ์ว่าจะ "ตกต่ำที่สุด" ในรอบ 5 ปี จากกำลังซื้อที่หดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัจจัยลบสงครามการค้า และมาตรการคุมเข้มสินเชื่อของสถาบันการเงิน (LTV) ฉุดให้ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ ยอดขาย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียมปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวมุ่งเน้นเฉพาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ซึ่งปัจจุบันเป็นกลุ่มที่ขาดกำลังซื้อและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากที่สุด อีกทั้งภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ตลอดจนมาตรการควบคุม LTV ทำให้ผู้ซื้อมีภาระเงินดาวน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มนี้หดตัวลงอย่างรุนแรง ทำให้มาตรการดังกล่าวส่งผลบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก

มาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ภาครัฐควรมุ่งเน้นกระตุ้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง หรือ อสังหาริมทรัพย์ระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีจำนวนอสังหาริมทรัพย์คงค้างในตลาดสูงถึง 1.5 แสนยูนิต หากสามารถเร่งระบายการขายอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ออกไปได้หมด คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 5 แสนล้านบาท และขยายระยะเวลาออกไปสิ้นสุดถึงปี 2564 เพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

"มาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาเรียกได้ว่าเกาไม่ถูกที่คัน ภาครัฐกลับไปกระตุ้นในกลุ่มที่กำลังซื้ออยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจไม่ได้แรงเท่าที่ควร ดังนั้นรัฐบาลควรขยายมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองไปกลุ่มที่ยังคงมีกำลังซื้อสูงด้วย เพราะสต็อกคงค้างที่มีกว่า 1.5 แสนยูนิต ส่วนใหญ่มีมูลค่าขายเกินกว่า 3 ล้านบาท โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่มีซัพพลายคงค้างอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก อีกทั้งจากราคาต้นทุนที่ดินในปัจจุบันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้การพัฒนาโครงการใหม่ที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิตทำได้ยาก หากเน้นกระตุ้นเฉพาะกลุ่มราคาระดับไม่เกิน 3 ล้านบาท จะทำให้ไม่เกิดการลงทุนในโครงการใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และอย่างที่ทราบกันดีว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์มีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมค่อนข้างมาก และมีซับพลายเชนเกี่ยวเนื่องอีก จึงเห็นว่า ควรจะขยายมาตรการให้ครอบคลุมทั้งตลาดบน-ล่าง ตลอดจนขยายระยะเวลาออกไปถึงสิ้นปี 2564 เพื่อให้สามารถระบายสต๊อกคงค้างที่มีอยู่และรองรับการลงทุนในโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการขยายลงทุนต่อ และมีเม็ดเงินกลับเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งจะส่งผลดีต่อธุรกิจซัพพลายเชนอื่นอีกด้วย เช่น กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังช่วยผลักดันยอดขายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบสงครามการค้า และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7-8% จากต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยนำเม็ดเงินจากต่างประเทศหมุนเวียนเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้น หากรัฐบาลกล้าตัดสินใจตามที่เสนอ ผมเชื่อมั่นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศน่าจะฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว และรัฐบาลน่าจะได้เม็ดเงินภาษีจากระบบเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวมากกว่างบประมาณที่จะเสียไปอย่างแน่นอน" นายอภิชัยกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน