นักลงทุนมองโค้งสุดท้ายการลงทุนทั่วโลกยังผันผวน โอกาสทองคำ-หุ้นอเมริกา ขาขึ้น ส่วนหุ้นไทยหาจังหวะซื้อราคาต่ำ

จันทร์ ๑๖ ธันวาคม ๒๐๑๙ ๑๑:๐๑
สองนักลงทุนรุ่นใหม่ มองตลาดการลงทุนโลกยังผันผวนจากปัจจัยหลายด้าน แนะจับตาสินทรัพย์ทางเลือก "ทองคำ-หุ้นสหรัฐฯ" มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น สามารถจับจังหวะลงทุนเมื่อราคาย่อตัวได้ ส่วนหุ้นไทยหากราคาร่วงแรงอาจมีจังหวะช้อนเก็บ จับตาเม็ดเงินต่างชาติช่วยหนุน

นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ และผู้ก่อตั้ง Creative Investment Academy (CIA) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ กล่าวว่า จากการติดตามการลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีนี้ถือเป็นขาลงมาตลอด เนื่องจากมีการทำราคาต่ำสุด(New Low)มาอย่างต่อเนื่อง ดัชนีควรจะยืนเหนือ 1,620 จุดได้ก่อนในช่วงที่เหลือของปีนี้ถึงจะยืนยันได้ว่าสิ้นสุดขาลงเพราะไม่มีการทำนิวโลว์ต่อ แต่จะขึ้นไปได้มากแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ดังนั้น ตอนนี้ถือว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าสนใจลงทุน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานตอนนี้ไม่ดีนัก ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยปรับตัวลดลงทุกไตรมาส ทำให้ค่า ForwardP/E ของ SET เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 17.1 เท่า แพงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคซึ่งอยู่ที่ 14.7 เท่า

"ค่า P/E หุ้นไทยตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกับเมื่อต้นปี แต่ดัชนีอยู่ในระดับเดียวกันแสดงว่าหุ้นไทยในเวลานี้ไม่ถูกแม้จะเห็นว่าหุ้นลงมาเยอะก็ตาม ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ภาพรวมจึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุน นักลงทุนควรกระจายสินทรัพย์ไปยังสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่า"

ดังนั้น การกระจายการลงทุนในปีหน้า สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้มาก อยากให้ลองพิจารณากระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆที่ยังเป็นขาขึ้น เช่น ทองคำ จากกราฟเทคนิคตอนนี้สามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 89 วันได้แล้ว และยังมีโอกาสทำกำไรหากเป็นขาขึ้นได้ในระดับเกือบๆ 10% โดยมีเป้าหมายที่จุดสูงสุดเดิม 1,550 เหรียญ โดยปัจจัยสนับสนุนคือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ส่วนผู้ที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ประเภทกอง REITs ยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมในปีหน้า

อีกหนึ่งสินทรัพย์คือตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ดัชนี S&P500 จะวิ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องแต่จะมีจังหวะให้ซื้อลงทุนได้ตลอดทั้งปีและภาพรวมบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเทคโนโลยียังคงเติบโตได้ดี รวมถึงตลาดหุ้นฮ่องกง แม้จะมีความไม่สงบทางการเมือง แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังเติบโตได้ดี ล่าสุด Alibaba ยังเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงแล้ว

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ภาพเป็นการเคลื่อนไหวแบบกรอบแคบๆ มีแนวรับอยู่ที่ 50 เหรียญต่อบาร์เรลและแนวต้านที่ 64 เหรียญ ภาพรวมระยะสั้นเริ่มมีการเก็งกำไรมากขึ้นจากกระแสของหุ้น Saudi Aramco ที่จะเข้าตลาดหุ้น ซึ่งอาจจะมีการดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น

ด้านนาย ปุณยวีร์ จันทรขจร นักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหลากหลายตลาด กล่าวว่า ในเชิงเศรษฐกิจมหภาคคำถามใหญ่ที่สุดวันนี้คือคำถามที่ว่า ดอลล่าร์กำลังจะมีแนวโน้มหลักไปทางแข็งค่าหรืออ่อนค่า เพราะนี่คือตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจทั้งโลก หากติดตามค่าเงินดอลล่าร์จะเห็นได้ชัดว่าแนวโน้มการลดลงของค่าเงิน ( de-Dollarization) หรือการหนีการใช้เงินดอลล่าร์ถือเป็นกระแสฮือฮาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งการเก็บทองคำเป็นทุนสำรองของประเทศแทนดอลล่าร์ และจีนที่กำลังจะซื้อขายน้ำมันบนเงินหยวนหรือที่เรียกว่า PetroYuan แทน PetroDollar ที่เราคุ้นเคยกันมานาน

อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายปีนี้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) กลับมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นซึ่งหมายถึงความต้องการการถือดอลล่าร์มากขึ้นและนั่นคือสิ่งที่ตรงข้ามกับข่าวที่ว่าดอลล่าร์กำลังถูกทิ้งจากทั่วโลก และมีแนวโน้มในการอ่อนค่ามหาศาล แต่ในมุมที่ชวนให้ต้องคิดก็คือ ทั้งๆที่ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (FED) มีการอัดฉีดเงินผ่านระบบ REPO ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าเงินดอลล่าร์จะอ่อนค่า ซึ่งการอัดฉีดเงินขนาดนี้ถ้าเป็นประเทศอื่นน่าจะเจอกับภาวะอัตราเงินเฟ้อสูง (Hyperinflation) ไปแล้ว

"คำตอบที่จะคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมดเลยอยู่ที่ว่าความต้องการดอลล่าร์จากทั่วโลกแท้จริงแล้วมีมากขนาดไหน มากขนาดที่ว่า FED อัดเงินผ่านระบบเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการรึเปล่า และนี่คือเป็นประเด็นหลักที่ต้องติดตามใกล้ชิดว่า ดอลล่าร์จะมีแนวโน้มไปทางไหน เพราะตราบใดที่ดอลล่าร์ยังเป็นสกุลเงินหลักของการค้าทั่วโลก เรายังคงต้องเล่นตามเกมของสหรัฐอยู่ดี"

เพราะฉะนั้น ตลาดหลักทรัพย์ของไทยเองก็จำเป็นต้องมองการไหลเข้ามาของเม็ดเงินจากต่างชาติเป็นหลักเช่นกัน แต่ต่อให้มีการปรับตัวลงของราคาจนส่งผลต่อดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงไปแรงๆถึงระดับ 1400-1500 ส่วนตัวมองว่าเรื่องพื้นฐานประเทศไทยยังแกร่ง เราไม่แพ้ใคร น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกในกรณีที่ราคาหุ้นมีการ ปรับลดลงของราคา (discount) มากกว่านี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน