นักลงทุนมองหุ้นไทยยังเสี่ยงแม้ลดดอกเบี้ยเหลือ 1% แนะกระจายสินทรัพย์ลงทุนในหุ้นปันผล กอง REIT และ สินทรัพย์ดิจิทัล

พฤหัส ๐๖ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๑๔:๒๔
นักลงทุนรุ่นใหม่มองหุ้นไทยภาพกว้างยังเป็นขาลงและ P/E ยังสูง แม้มีการปรับลดดอกเบี้ยลงเหลือเพียง 1% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ กังวลผลตอบแทนตลาดเงินลดลงตามดอกเบี้ย แนะกระจายลงทุนหุ้นปันผล กอง REIT รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมีแนวโน้มขาขึ้น

นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ กลุ่มสถาบันการเงินจากประเทศอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตรกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ มองว่าการที่ กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีการใช้นโยบายทางการเงินจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากถือเป็นยาแรงที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังมีปัจจัยลบใหม่เกิดขึ้นนั่นคือไวรัสโคโรน่า ก่อนหน้านั้นมีปัจจัยเรื่องงบประมาณรายจ่ายที่ล่าช้า รวมถึงเหตุภัยแล้งอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ SET Index ปรับตัวขึ้น 14 จุด เมื่อวานนี้ (5 ก.พ. 2563) แต่ความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่

"ทั่วไปแล้วการปรับลดดอกเบี้ยจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ทุกครั้งเนื่องจากจะมีสภาพคล่องใหม่เพิ่มเข้ามารวมถึงความเชื่อมั่นที่มากขึ้น แต่ถึงตอนนี้กราฟเทคนิคของ SET Index ยังเป็นขาลง รวมถึง Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย สิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 18.4 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ 15.4 เท่า แสดงว่าหุ้นไทยยังแพงอยู่แม้จะลงมาเยอะ"

สิ่งที่ตามมาหลังการลดดอกเบี้ยก็คือผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดเงิน เนื่องจากพันธบัตรส่วนใหญ่จะอ้างอิงผลตอบแทนจากดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีโอกาสปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนควรต้องมีการปรับพอร์ตเพื่อหาสินทรัพย์ที่ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี เช่น หุ้นปันผลเพราะตัวเลขจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าอัตราเงินปันผลตอบแทน สิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 3.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.9% เป็นทางเลือกของผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ

นอกจากนี้สินทรัพย์อย่าง กอง REIT ยังน่าสนใจในการลงทุนเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากนักหากลงทุนในโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้ต่อเนื่อง ขณะที่ทองคำช่วงนี้อาจจะมีการพักตัวบ้าง แต่ภาพรวมทางเทคนิคในระยะกลางถึงยาวยังคงแนวโน้มขาขึ้นอยู่ ช่วงนี้ที่ราคาย่อตัวลงมายังมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนได้

อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่แนะนำให้จับตามองคือสินทรัพย์ดิจิทัล โดยราคาบิทคอยน์ใด้ขยับจากจุดต่ำสุดขึ้นมาในระดับใกล้เคียง 10,000 เหรียญ ซึ่งหากผ่านจุดนี้ไปได้จะแสดงถึงการกลับตัวของราคาที่ชัดเจน รวมถึงเหรียญทางเลือกอื่นๆเช่นกันที่มีแนวโน้มขาขึ้น จึงอยากให้ลองศึกษาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ที่สำคัญคือประเทศไทยมีกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจน ผู้ลงทุนสามารถไว้วางใจได้

"จากสถิติเก่าระบุว่าปีที่บิทคอยน์มีการทำ Halving หรือการลดซัพพลายในตลาดลง ราคาจะเป็นขาขึ้นทุกครั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้และราคาเริ่มตอบสนองในทางบวกแล้ว แนะนำให้ลองศึกษาการลงทุนรูปแบบนี้เพราะเป็นการลงทุนกับเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนอนาคตของโลกการเงิน"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๓๓ COM7 เดินหน้าเต็มสปีด EV7 ส่งมอบแท็กซี่ไฟฟ้าล็อตแรก ดันเมกะเทรนด์ EV สู่หัวใจเมือง
๑๘:๓๖ GCAP ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ไฟเขียวผ่านฉลุยทุกวาระ พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจขยายสู่กลยุทธ์ Non Lending
๑๘:๔๔ PYLON จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผล 0.04 บาท/หุ้น
๑๘:๓๙ LDC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 มุ่งเป็นคลินิกทันตกรรมพรีเมียม ในราคาที่เข้าถึงง่าย
๑๘:๑๒ ผู้ถือหุ้น TATG ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น ลงทุนเครื่องจักรใหม่เสริมแกร่งสายการผลิต พิชิตเป้ารายได้ 3,000
๑๘:๕๗ ADVICE จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นรูปแบบ Hybrid ประจำปี 2568 ผถห.ไฟเขียวทุกวาระ เคาะแจกปันผล 0.175 บ./หุ้น
๑๘:๓๖ LE ร่วมงานสถาปนิก'68 โชว์นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ เสริมภาพผู้นำ Lighting Solutions Provider
๑๘:๔๖ SELIC จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2568 ผู้ถือหุ้นเห็นชอบทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.038 บาท/หุ้น เดินหน้า 3 ธุรกิจ
๑๘:๔๙ STA เปิดบ้านต้อนรับภาครัฐ โชว์มาตรฐานรับซื้อยางโปร่งใส เป็นธรรม หนุนรัฐต้านยางเถื่อน
๑๘:๓๕ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือเอกชน ปั้นช่างเชื่อมโกอินเตอร์ รายได้ทะลุ 70,000 บาทต่อเดือน