MTS ส่ง “MTS Gold Blockchain” ออมทอง ด้วย Blockchain เจ้าแรกในไทย พร้อมลุยเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศต่อเนื่อง

ศุกร์ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๐๒๐ ๐๘:๒๙
MTS Gold ตอบโจทย์โลกยุคดิจิตอลเปิดตัว“MTS Gold Blockchain” ใช้เทคโนโลยี Blockchain ผสานกับการออมทองคำรายแรกในไทยตอกย้ำความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยผ่านธุรกรรมออนไลน์ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 150 บาท ตั้งเป้ายอดเปิดบัญชีมากกว่า 10,000 บัญชีภายในปีนี้ พร้อมทั้งหาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ๆในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ ควบคู่การใช้ AI เพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพการลงทุน
MTS ส่ง MTS Gold Blockchain ออมทอง ด้วย Blockchain เจ้าแรกในไทย พร้อมลุยเพิ่มผลิตภัณฑ์การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศต่อเนื่อง

นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของโลกสู่ยุคดิจิตอลทำให้บริษัทต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่มีความหลากหลาย ต้องการความสะดวกรวดเร็วและที่สำคัญที่สุดคือความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย MTS Gold จึงพัฒนาระบบต่างๆ และนำเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลมาพัฒนาและปรับใช้ เพื่อให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด

บริษัทได้เปิดตัว “MTS Gold Blockchain ”ระบบสะสมเงินซื้อทองคำแท่งที่บริสุทธิ์ 96.5% ในรูปแบบออนไลน์ เป็นรายแรกที่นำระบบ Blockchain มาใช้ในการออม และ การจัดเก็บข้อมูลโดยไม่ผ่านบุคคลที่สามเพื่อป้องกันความเสียหายด้านข้อมูล ทองคำ และ การทำธุรกรรมซึ่งเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูงเทียบเท่ามาตรฐานธนาคารชั้นนำแห่งประเทศไทย ซึ่งนักลงทุนสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 150 บาท หรือเริ่มต้นได้ด้วยน้ำหนัก 0.1 กรัม ได้ตลอดทั้งวันไม่จำกัดจำนวนครั้ง และสามารถโอนมอบทองคำในระบบให้กับสมาชิกท่านอื่นๆที่อยู่ระบบเดียวกันได้ เมื่อสะสมครบตามจำนวนที่ต้องการสามารถแลกรับเป็นทองคำในรูปแบบทองคำแท่งจริงได้ตั้งแต่ขั้นต่ำ 1 กรัม ในทุกสาขาของห้างทองแม่ทองสุก คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนไทยหันมาออมทองคำกันมากขึ้น

“ปัจจุบันราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น ทำให้ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อทองทำได้ยากขึ้น “MTS Gold Blockchain” จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือรายย่อย ให้สามารถเข้าถึงการลงทุนด้วยการออมทองได้ง่ายขึ้น ด้วยวงเงินเริ่มต้นเพียง 150 บาท เท่านั้น ซึ่งการนำนวัตกรรม Blockchain มาประยุกต์กับการออมทองคำในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกของอุตสาหกรรมทองไทยที่ลงทุนได้อย่างปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ มีความเป็นสากลมากขึ้น โดยภายในปีนี้เราตั้งเป้าจะมียอดเปิดบัญชีออมทองกว่า 10,000 บัญชี” นายณัฐพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ในปี 2563 บริษัทยังคงร่วมมือกับพันธมิตรในตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสินค้าและบริการให้มีความหลากหลายและครบครันมากยิ่งขึ้น ประกอบกับการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาวิเคราะห์และประมวลผลสัญญาการซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์ต่างๆ รวมไปถึงนำเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น BIG DATA มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุนให้แก่นักลงทุนไทย และเปิดโอกาสการเข้าถึงสินค้าในตลาดโลกได้อย่างหลากหลาย

“ปัจจุบัน MTS Gold มีการซื้อขายสินค้าต่างๆกับตลาดขนาดใหญ่ในต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง, สิงคโปร์,เซี่ยงไฮ้ โดยมีสัญญาซื้อขายสินค้าประเภท ทองคำ น้ำมัน น้ำตาลและ ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายไปยังตลาดโลหะลอนดอน (London Metal Exchange)ซึ่งมีความโดดเด่นในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทโลหะ เพื่อเพิ่มตลาดการลงทุนให้มีความหลากหลาย อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับ CME Group ตลาดอนุพันธ์ชั้นนำรายใหญ่ในการจัดงาน MTS Global Expo 2020 อันเป็นโครงการสำคัญที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเสริมทักษะกลุ่มนักลงทุนไทยด้วยวิทยากรชั้นนำจากต่างประเทศ

นายณัฐพงศ์ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ ว่า ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีการทำนิวไฮในรอบ 7 ปีแล้วก็ตาม โดยมีกรอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,700 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับเป้าหมายสำคัญต่อไปของทองคำ จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผัวผวน ประกอบกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดโคโรน่า COVID-19 ที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ และมีแนวโน้มแพร่ระบาดในระดับรุนแรงขึ้น ขณะที่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและความผันผวนน้อยกว่าการลงทุนประเภทอื่น และจะเห็นได้ว่าตลอดปี 2563 ราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นมาแล้วกว่า 10% ขณะที่ทองคำไทยก็ปรับขึ้นมาได้ในแล้วกว่า 19.37% และทำให้ราคาทองคำไทยมีโอกาสยืนเหนือ 25,000 บาท/บาททองคำได้อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับเงินบาทที่ยังคงปรับอ่อนค่าในเวลานี้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ London Metal Exchange

London Metal Exchange หรือ LME คือตลาดซื้อขายโลหะล่วงหน้าซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อตั้งในปี ค.ศ.1877 ในปัจจุบันตลาด LME ถือเป็นตลาดซื้อขายโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ ราคาซื้อขายในกลุ่มโลหะนอกกลุ่มเหล็กของตลาด LME ถูกใช้เป็นราคาอ้างอิงในการซื้อขายทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย โดยโลหะนอกกลุ่มเหล็กที่สำคัญที่มีการซื้อขายใน LME ได้แก่ อลูมิเนียม (Aluminium),อลูมิเนียม อัลลอย ( Aluminium Alloy), ทองแดง (Copper), สังกะสี (Zinc), นิกเกิล (Nickel), ตะกั่ว (Lead), ดีบุก (Tin), ทอง(Gold), เงิน(Silver) และ โคบอลต์ (Cobalt) อ้างอิงข้อมูล : https://www.lme.com/

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง