นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับ Nexif Energy ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำของสิงคโปร์และมีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลักในอาเซียนและออสเตรเลียในโครงการโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี จังหวัดระยอง นับเป็นความสำเร็จของบริษัทฯ ในการขยายฐานผลิตไฟฟ้าในภาคตะวันออก และมีส่วนช่วยผลิตไฟฟ้าเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศและภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะผนึกกำลังกันขับเคลื่อนโครงการเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี ให้เดินหน้าสำเร็จตามเป้าหมาย พร้อมทั้งจับมือเป็นพันธมิตรระยะยาวเพื่อพัฒนาความร่วมมือโครงการอื่นๆ ในอนาคต เพราะทั้งสองบริษัทฯ มีเป้าหมายและฐานธุรกิจในเอเชีย และออสเตรเลียเช่นเดียวกัน
“โครงการเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี ระยอง เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่บริษัทฯ หมายมั่นจะลงทุนให้สำเร็จในปีนี้ เพราะเป็นโครงการที่พร้อมเดินหน้าก่อสร้างได้ในเดือนเมษายนปีนี้ อีกทั้งยังเป็นโครงการโรงไฟฟ้าแห่งแรกในภาคตะวันออกของบริษัทฯ ซึ่งจะเป็นช่องทางที่จะขยายการลงทุนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกของภาครัฐได้ สำหรับ กระแสไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ที่ผลิตจากโครงการนี้จะจำหน่ายให้กับ กฟผ. ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ส่วนที่เหลือจะผลิตจำหน่ายแก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในสวนอุตสาหกรรม เอสเอสพี อินดัสเทรียล พาร์ค นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเห็นศักยภาพของโครงการที่จะขยายกำลังการผลิตตอบสนองความต้องการลูกค้าอุตสาหกรรมในอนาคตตามแผนการลงทุนปี 2563 ด้วย ความสำเร็จของโครงการนี้จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทฯ เดินหน้าขยายลงทุน โดยเฉพาะโครงการที่พัฒนาแล้ว (Brownfields) และกิจการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำลังผลิตเพิ่ม 780 เมกะวัตต์ในปี 2563 ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมเงินลงทุนรองรับไว้แล้ว 20,000 ล้านบาท” นายกิจจา กล่าว
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นในประเทศไทยรวม 5,898.39 เมกะวัตต์ คิดเป็น 68% ของกำลังผลิตรวม (8,700.15 เมกะวัตต์) สำหรับโครงการเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี ระยอง เป็นโรงไฟฟ้าผู้ผลิตเอกชนรายเล็กประเภทโคเจนเนอเรชั่นแห่งที่ 5 ของบริษัทฯ เมื่อปลายปี 2562 บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี (ถือหุ้น 99.97%) ส่วนอีก 3 โครงการประกอบด้วยโรงไฟฟ้าราชบุรีเวอลด์โคเจนเนอเรชั่น จังหวัดราชบุรี (ถือหุ้น 40%) โรงผลิตไฟฟ้านวนคร จังหวัดปทุมธานี (ถือหุ้น 40%) โรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น จังหวัดราชบุรี (ถือหุ้น 35%)