พาสปอร์ตทรงอิทธิพลไร้ความหมายหลังการเดินทางทั่วโลกหยุดชะงักเพราะโควิด-19

อังคาร ๐๗ เมษายน ๒๐๒๐ ๑๕:๐๐
ผลการจัดอันดับหนังสือเดินทางทรงอิทธิพล Henley Passport Index เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าวิตกเกี่ยวกับความเสียหายอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การเดินทางทั่วโลกแทบหยุดชะงัก ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มจัดทำดัชนีพบว่าเสรีภาพในการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปี 2549 พลเมืองสามารถเดินทางไปยัง 58 ประเทศโดยเฉลี่ยโดยไม่ต้องขอวีซ่า และ 14 ปีต่อมา จำนวนก็เพิ่มขึ้นเกือบเป็นสองเท่าแตะ 107 ประเทศ ขณะที่การจัดอันดับครั้งแรกของทศวรรษใหม่ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนมกราคมก็ตอกย้ำว่าผู้คนสามารถเดินทางได้ทั่วโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ โดยหนังสือเดินทางทรงอิทธิพลที่สุด (ญี่ปุ่น) ช่วยให้ผู้ถือหนังสือเดินทางสามารถเดินทางเข้า 191 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า อย่างไรก็ดี เพียงสามเดือนต่อมา ภาพดังกล่าวกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หนังสือเดินทางของญี่ปุ่นยังทรงอิทธิพลที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว มาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดทำให้พลเมืองญี่ปุ่นถูกห้ามเดินทางโดยไม่จำเป็น และแทบทุกประเทศก็เป็นเช่นนี้ เนื่องจากมีการออกประกาศห้ามเดินทางมากขึ้นทุกวัน ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกก็บังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ เนื่องจากประชากร 3.5 พันล้านคน หรือเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก กำลังกักตัวโดยสมัครใจหรือถูกบังคับ ผลการจัดทำดัชนีล่าสุดซึ่งอิงข้อมูลจากสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) จึงก่อให้เกิดคำถามที่ท้าทายว่า อะไรคือความหมายที่แท้จริงของเสรีภาพในการเดินทางและการเคลื่อนย้ายทั่วโลก ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตที่ไม่แน่นอนหลังการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง

Dr. Christian H. Kaelin ประธานของ Henley & Partners และผู้บุกเบิกการจัดทำดัชนีหนังสือเดินทางทรงอิทธิพล ระบุว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้ หนังสือเดินทางทรงอิทธิพลกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายไปชั่วคราว “ตามทฤษฎีแล้ว พลเมืองชาวสวิสสามารถเดินทางไปยัง 185 ประเทศทั่วโลกโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าเสรีภาพในการเดินทางขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และนี่เป็นสิ่งที่ผู้ถือหนังสือเดินทางด้อยอิทธิพลคุ้นเคยเป็นอย่างดี”

Dr. Parag Khanna นักเขียนหนังสือขายดี รวมถึงผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ FutureMap กล่าวว่า ผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อสาธารณสุข เศรษฐกิจโลก และพฤติกรรมทางสังคม อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในด้านภูมิศาสตร์มนุษย์ “อาจฟังดูเหมือนประชด แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ผู้คนจะเริ่มหาทางย้ายจาก “โซนสีแดง” ที่มีการเตรียมพร้อมและการบริหารจัดการแย่ ไปสู่ “โซนสีเขียว” หรือประเทศที่มีบริการทางการแพทย์ดีกว่า ขณะเดียวกัน ผู้คนอาจย้ายไปยังประเทศที่มาตรการบังคับกักตัวสร้างความลำบากน้อยกว่า เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต สำหรับในสหรัฐอเมริกา การย้ายถิ่นทั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนการระบาดใหญ่ โดยคนกลุ่ม Gen X และกลุ่มมิลเลนเนียลย้ายไปยังเมืองรองที่มีค่าครองชีพถูกกว่าในพื้นที่ที่เรียกว่า Sun Belt หรือย้ายไปต่างประเทศในละตินอเมริกาและเอเชียเพื่อให้พอดำรงชีวิตได้ หลังจากนี้ ทันทีที่มาตรการกักตัวถูกยกเลิก และราคาตั๋วเครื่องบินดิ่งเหว ผู้คนจำนวนมากทั่วโลกจะเก็บข้าวของและตีตั๋วย้ายไปยังประเทศที่พอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้”

ข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยและวิเคราะห์ของ Henley & Partners ซึ่งระบุว่า การให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านสุขภาพและการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจพลิกโฉมการเดินทางทั่วโลกไปตลอดกาล โดย Ugur Altundal และ Omer Zarpli นักวิจัยด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์และมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กตามลำดับ เตือนว่า “คุณภาพและระดับความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณายกเว้นการขอวีซ่าในอนาคต”

Dr. Juerg Steffen ซีอีโอของ Henley & Partners แสดงความเห็นถึงการเติบโตมากเป็นประวัติการณ์ของอุตสาหกรรมการลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานว่า “เราเชื่อว่าหลังการระบาดของโควิด-19 สิ้นสุดลง การลงทุนเพื่อย้ายถิ่นฐานจะมีความสำคัญมากขึ้นทั้งสำหรับนักลงทุนรายบุคคลและรัฐอธิปไตย การมีถิ่นฐานทางเลือกหรือการเป็นพลเมืองของประเทศอื่นจะช่วยให้ปลอดภัยจากความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาคซึ่งสามารถคาดการณ์ได้ และก่อให้เกิดอำนาจอธิปไตยและคุณค่าทางสังคมมากขึ้นทั่วโลก”

สื่อมวลชนกรุณาติดต่อ

Paddy Blewer

ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์

[email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๔ พ.ค. Siriraj Education Expo 2024 ก้าวสู่ยุคใหม่ไปกับศิริราช พร้อมยกระดับทางการแพทย์ให้ดีขึ้น เพื่อสุขภาวะที่ดีของคนไทยทุกคน
๐๓ พ.ค. ครั้งแรก! งานเทศกาลคอนเทนต์ LGBTQ ฉลองความเท่าเทียมทางเพศ THAILAND INTERNATIONAL LGBTQ FILM TV FESTIVAL 2024 ปักหมุดเตรียมพบกัน กันยายนนี้
๐๓ พ.ค. โน วัน เอลส์ ส่ง 3 เพลงรัก 3 สไตล์! ผ่านมิวสิกซี่รีย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจความรักมากขึ้น
๐๓ พ.ค. ทีซีเอ็มซีมอบรางวัลประกวดการออกแบบผลงานด้านผลิตภัณฑ์อคูสติกส์
๐๓ พ.ค. GT Auto ฉลองแชมป์ยอดขาย Volvo จัดงาน มหกรรม GT Auto Show ลดสูงสุด 1,000,000 บาท พร้อมชูบริการ GT Auto Exclusive Service
๐๓ พ.ค. กทม. เตรียมพร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงและนักเรียนในสังกัด
๐๓ พ.ค. กรมส่งเสริมการเกษตร ประชุมคณะทำงานความร่วมมือด้านการรับรองแหล่งผลิตพืชฯ (GAP พืช) ครั้งที่ 1/2567
๐๓ พ.ค. First Sale! realme 12 5G และ realme 12X 5G สัมผัสประสบการณ์ Portrait Master กับกล้องซูม 3X in sensor
๐๓ พ.ค. CRYSTALLIZING ใหม่! โดย SHISEIDO PROFESSIONAL อัปเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ยืด-ดัดผม ชูเทคโนโลยีสุดล้ำ DUAL PERFORMANCE SYSTEM
๐๓ พ.ค. บัลเลต์ รีทรีต บนเกาะมัลดีฟส์ กลับมาอีกครั้ง ที่ อวานี พลัส แฟเรส โดย คาร์ริส สการ์เลต นักเต้นบัลเลต์ชื่อดัง